รวม 5 กลยุทธ์เทรด Forex ยอดฮิต 2023 

การเทรด Forex มีกลยุทธ์การเทรดอยู่มากมายหลายกลยุทธ์ ซึ่งแต่ละกลยุทธ์นั้นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป อาจจะส่งผลให้เทรดเดอร์สับสน และลังเลใจว่าตัวเทรดเดอร์นั้น ควรที่ใช้กลยุทธ์ใดในการลงทุนกันแน่ ในบทความนี้จะพามาดู 5 กลยุทธ์เทรด Forex ยอดฮิตปี 2023 ซึ่งอาจจะตอบโจทย์เทรดเดอร์ที่ยังหาแนวทางการเทรด Forex ของตัวเองไม่เจอ จะมีกลยุทธ์ใด และมีวิธีการแบบไหนกันบ้าง สามารถติดตามได้ในบทความนี้ครับ

กลยุทธ์การเทรด Forex คือ ระบบแบบแผนหรือ Frame Work ของการเทรด Forex ที่เทรดเดอร์เป็นคนกำหนดขึ้นมา ซึ่งเทรดเดอร์จะใช้ลักษณะนิสัย รวมไปถึงเรื่องไลฟ์สไตล์ในการดำเนินชีวิตเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเลือกกลยุทธ์ในการเทรด Forex เช่น หากว่าเทรดเดอร์เป็นคนที่มีเวลาที่เยอะ สามารถที่จะเฝ้ากราฟได้ทั้งวัน เทรดเดอร์คนนี้อาจจะเลือกเป็นกลยุทธ์การเทรดแบบ Day Trade หรือ Scalping ก็ได้ 

1. Day Trade หรือการเทรดแบบรายวัน

การเทรดแบบ Day Trade เป็นการเทรดแบบจบภายในวัน อาจจะเป็นการเทรดระยะสั้นแบบ Scalping หรือถือเอาไว้ตั้งแต่เช้าแล้วค่อยมาปิดตอนก่อนนอนก็ได้ แต่จะไม่มีการถือออเดอร์ข้ามคืน (ถือเกิน 00.00 น.) ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดในช่วงเวลาที่เทรดเดอร์หลับ และเลี่ยงการโดนเก็บค่า Swap หรือค่าธรรมเนียมถือออเดอร์ข้ามคืนนั่นเอง

2. Swing Trade หรือการเทรดในกรอบการแกว่งตัว

การเทรดแบบ Swing Trade เป็นการเทรดภายในกรอบการแกว่งตัวของราคา หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการเทรดตามแนวรับ-แนวต้านของราคา ซึ่งอาจจะเป็นการแกว่งตัวในระยะสั้น กลาง หรือระยะยาวก็ได้ ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนที่ของราคานั้น ๆ 

3. Scalping หรือการเทรดระยะสั้น

การเทรดแบบ Scalping หรือการเทรดระยะสั้น เป็นการเทรดที่ใช้เวลาสั้น ๆ ต่อหนึ่งการเทรด เพื่อหวังกำไรในระยะสั้น ๆ เป็นการเทรดที่มีอัตราการชนะที่ค่อนข้างสูง แต่อัตราความเสี่ยงหรือ RRR ก็สูงขึ้นเช่นกัน 

4. Fundamental Trade หรือการเทรดปัจจัยพื้นฐาน

การเทรดด้วยปัจจัยพื้นฐาน เป็นกลยุทธ์ที่ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ในระดับนึง เทรดเดอร์จะต้องรู้ว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หรือว่าตัวเลขข่าวออกมาแบบนี้ จะส่งผลอย่างไรต่อราคาสินทรัพย์นั้น ๆ แต่ในการเทรดแบบด้วยปัจจัยพื้นฐานนั้นจะจัดว่าเสี่ยงมาก และเทรดเดอร์มืออาชีพก็ไม่แนะนำ เนื่องจากว่าปัจจัยพื้นฐานนั้น สามารถที่จะมีเหตุการณ์เข้ามาแทรกแซง ณ ขณะนั้นอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งอาจจะทำให้เทรดเดอร์ขาดทุนเป็นจำนวนมากจากข่าวที่แทรกเข้ามา

5. Technical Trade หรือการเทรดด้วยเทคนิคคอล

Technical เป็นการเทรดด้วยเทคนิคเฉพาะในตลาดการเงิน เทรดเดอร์จำเป็นที่จะต้องเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคในตลาดการเงิน เพื่อที่จะวิเคราะห์หาจุดเข้าจากเทคนิคต่าง ๆ ซึ่งเทคนิคในการวิเคราะห์นั้น มีอยู่หลากหลายมาก ๆ เทรดเดอร์จำเป็นที่จะทดลองไปทีละเทคนิคเพื่อที่จะเข้าใจวิธีการ และนำมาประยุกต์ปรับใช้เป็นเทคนิคของตัวเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 5 กลยุทธ์เทรดทองให้อยู่รอดในตลาด Forex
• กลยุทธ์การเทรดแบบไม่ต้องเฝ้ากราฟ ดีอย่างไร? และเหมาะกับใคร?
• วิธีเลือกโบรกเกอร์ตามกลยุทธ์การเทรด เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างกำไรให้ได้มากที่สุด
• ทำความรู้จักกลยุทธ์การเทรดแบบ Global Macro กลยุทธ์ที่ใช้กันในกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับโลก!

อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าการเลือกกลยุทธ์การเทรด Forex ของเทรดเดอร์นั้นจะพิจารณาจากลักษณะนิสัยส่วนบุคคลของเทรดเดอร์แต่ละคน แต่นั่นก็เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งจากในหลาย ๆ ปัจจัยที่จะนำมาพิจารณา ซึ่งในหัวข้อนี้จะพามาดูปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกกลยุทธ์การเทรด Forex ของเทรดเดอร์ และนี่คือ 3 ปัจจัยหลักที่มีผลต่อการเลือกกลยุทธ์เทรด Forex 

1. ความยากของกลยุทธ์

ความยากของกลยุทธ์ เป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เทรดเดอร์ควรที่พิจารณา หากว่าเทรดเดอร์เป็นมือใหม่ ยังไม่มีความรู้ในการเทรดขั้นสูงมากเพียงพอ เทรดเดอร์อาจจะเลือกกลยุทธ์การเทรดที่สามารถที่จะเข้าใจง่าย และมีอัตราการชนะที่พอดี แต่อัตราส่วนของความเสี่ยงหรือ RRR ที่ต่ำ เน้นเก็บกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเป็นการฝึกฝนและทำความเข้าใจกับกลยุทธ์ดังกล่าวไปเรื่อย ๆ 

2. ความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ความเสี่ยงก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เทรดเดอร์ตัดสินใจเลือกกลยุทธ์การเทรดนั้น ๆ เนื่องจากว่าความเสี่ยงหรือมุมมองความเสี่ยงของเทรดเดอร์ที่มีต่อตลาด Forex นั้น มีไม่เท่ากัน เทรดเดอร์จะต้องถามตัวเองและตอบให้ได้ว่าเทรดเดอร์สามารถที่จะยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน และนำคำตอบที่ได้นั้นเลือกกลยุทธ์ในการเทรดและสร้าง Trade Setup ของตัวเองขึ้น

3. โบรกเกอร์ที่เลือกใช้

โบรกเกอร์เป็นสิ่งที่เลือกได้เช่นเดียวกันกับกลยุทธ์การเทรด แต่สิ่งสำคัญคือคุณสมบัติของแต่ละโบรกเกอร์ หากว่าเทรดเดอร์เป็นคนที่ชอบเทรดสั้นแบบ Scalping การเลือกเทรดกับโบรกเกอร์ที่มีค่า Spread ที่สูง และค่าธรรมเนียมแพง คงจะไม่ตอบโจทย์ เทรดเดอร์ควรที่จะต้องเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ต่ำถึงจะตอบโจทย์กับการเทรดในระยะสั้นนั่นเองครับ

Q : รูปแบบการเทรด Forex มีกี่ประเภท ?

A : การเทรด Forex ในทางทฤษฎีแล้วมีอยู่ประมาณ 4 รูปแบบ ได้แก่ Day Trade, Swing Trade, Trend Following และ Scalping ซึ่งจริง ๆ แล้วรูปแบบการเทรดมีมากกว่านั้น แต่ไม่ได้นำมาเผยแพร่ออกสู่สาธารณะเท่านั้นเอง

Q : กลยุทธ์การเทรด Forex ระยะสั้น มีวิธีการอย่างไร ?

A : การเทรดระยะสั้นนั้นมีหลายวิธี แต่วิธีการที่นิยมที่สุดจะเป็นการเทรดด้วย Bollinger Bands ใน Timeframe 1m-5m โดยสามารถที่จะหาจุดเข้าได้จากการที่ราคาเคลื่อนที่ไปชนเส้นใดเส้นหนึ่งของอินดิเคเตอร์ Bollinger Bands และเกิดการ Rejection ณ ราคานั้น ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะหวังกำไรเพียง 10-30 pips เท่านั้น

Q : การเทรด Forex คือการพนันหรือไม่ ?

A :  การเทรด Forex ไม่ใช่การพนัน หากว่า !! เทรดเดอร์ทำการเทรดด้วย MM และทำการเทรดด้วยการวิเคราะห์การเคลื่อนที่ด้วยปัจจัยต่าง ๆ มาโดยละเอียดแล้ว แต่การเทรด Forex ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นการพนันเช่นกัน หากว่าเทรดเดอร์ทำการเทรด Forex โดยปราศจากการวิเคราะห์ใด ๆ 

กลยุทธ์การเทรด Forex นั้น เป็นระบบหรือแบบแผนการเทรดที่กำหนดขึ้นมาจากตัวเทรดเดอร์ เพื่อใช้วางแผนในการเทรด Forex ของเทรดเดอร์เอง โดยกลยุทธ์การเทรดนั้นมีอยู่หลากหลายกลยุทธ์ ซึ่งสามารถที่จะพิจารณาเลือกได้จากลักษณะนิสัยส่วนบุคคล ความเสี่ยงที่รับได้ ความยากง่ายของกลยุทธ์และโบรกเกอร์ที่ใช้ 

อย่างไรก็ตาม การเทรด Forex ไม่ได้มีเพียงแค่กลยุทธ์ในการเทรดเท่านั้นที่เป็นปัจจัยสำคัญ แต่ยังมีเรื่องของการฝึกฝน “วินัย” ของเทรดเดอร์เอง ซึ่งวินัยนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการเทรด มันสามารถที่จะทำให้การเทรดของเทรดเดอร์มีประสิทธิภาพสูงสุดได้จากกลยุทธ์ที่เทรดเดอร์เลือกใช้ และสิ่งที่สำคัญรองลงมาคือ “Money Management” หากเทรดเดอร์สามารถที่จะจัดการเงินของเทรดเดอร์ได้ ความเสี่ยงในการขาดทุนก็จะน้อยลง และมีโอกาสที่จะลดการล้างพอร์ตของเทรดเดอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Source : Forexlearning