Price Action คืออะไร? เทคนิคเทรดที่เทรดเดอร์ Forex ควรรู้

Forex มีกลยุทธ์การเทรดอยู่หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเทรดด้วย Indicator การเทรดด้วยปัจจัยพื้นฐาน รวมไปถึงการเทรดด้วยเทคนิคคอล ซึ่ง Price Action ก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเทรดของเทคนิคคอล ที่สามารถที่จะใช้เพียงกลยุทธ์เดียว แล้วเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในวันนี้ทางทีมงาน Thaiforexreiview จะพาทุกคนมารู้จักกับ Price Action ว่าคืออะไร มีเทคนิคการใช้แบบไหน ทำไมถึงเป็นเทคนิคที่มืออาชีพนิยมใช้ และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ติดตามได้ในบทความนี้ครับ
Price Action หรือก็คือ “การกระทำของราคา” ที่แสดงออกมาในรูปแบบของ “แท่งเทียน” เป็นเทคนิคการวิเคราะห์ด้วยกราฟเปล่า ที่เทรดเดอร์มืออาชีพกล่าวว่า เป็นเทคนิคการวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถที่จะใช้เพียงเทคนิคนี้อย่างเดียวก็สามารถที่จะอยู่รอดในตลาดได้แล้ว เนื่องจากว่าเทคนิค Price Action เปรียบเสมือนการคาดการณ์สถานการณ์ของตลาดที่ออกมาในรูปแบบของ “กราฟแท่งเทียน” ซึ่งการกระทำของกราฟแต่ละรูปแบบสามารถที่จะสะท้อนให้เห็นถึงการกระทำของผู้เล่นที่มีขนาดใหญ่กว่าเรา หรือที่เรียกว่า “เจ้า” ในตลาด ว่าพวกเขาจะทำการ Buy หรือ Sell นั่นเองครับ
กราฟแท่งเทียน เป็นองค์ประกอบสำคัญในการวิเคราะห์ Price Action โดยกราฟแท่งเทียน จะสามารถสะท้อนอารมณ์ของตลาด, โมเมนตัม และการกระทำของผู้เล่นในตลาดออกมาได้อย่างชัดเจน โดยแท่งเทียนจะมีส่วนประกอบ ดังนี้
1. High คือ จุดที่ราคาเคยขึ้นไป “สูงสุด”
2. Low คือ จุดที่ราคาเคยลงไป “ต่ำสุด”
3. Open คือ “จุดที่ซื้อขายกันครั้งแรก” ของแท่งเทียนใน Timeframe นั้น ๆ
4. Close คือ “จุดที่ปิดการซื้อขาย” ของแท่งเทียนใน Timeframe นั้น ๆ
5. Candle Body คือ ส่วนลำตัวของแท่งเทียน เป็นช่วงระยะห่างของราคาเปิด (Open) และราคาปิด (Close)
6. Candle Wick คือ ส่วนไส้เทียน เป็นส่วนที่ราคาเคยได้ไปทำราคาสูงสุด (High) และต่ำสุด (Low) เอาไว้
และ Price Action (กราฟแท่งเทียน) สามารถแบ่งเป็นขาขึ้น (Bullish Candle Stick) และขาลง (Bearish Candle Stick) จากการแบ่งสี ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว แท่งเทียน “ขาขึ้น” จะใช้เป็นสีเขียว และแท่งเทียน “ขาลง” จะใช้เป็นสีแดง ตามรูปตัวอย่างข้างล่าง
Price Action นั้นมีอยู่หลายรูปแบบมาก โดยแต่ละตัวก็จะมีลักษณะและความหมายที่แตกต่างกันออกไป หากเทรดเดอร์สามารถที่จะเข้าใจได้ว่าการกระทำของท่งเทียนแต่ละแท่งคืออะไร ก็จะสามารถที่จะทำให้การเทรดของเทรดเดอร์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยทางทีมงานได้รวบรวมรูปแบบที่พบได้บ่อยและนิยมใช้ในการวิเคราะห์มาให้ ดังนี้
1. Pin Bar
Pin Bar หรือที่เรียกกันว่า Hammer เป็นแท่งเทียนที่เห็นได้บ่อยครั้งในช่วงระยะก่อนเกิดการกลับตัวของราคา เป็นแท่งเทียนที่สะท้อนให้เห็นถึงการ “การเข้าซื้อ” หรือ “เทขาย” จากผู้เล่นฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ตัวอย่างเช่น เกิดแท่งเทียน Pin bar ขึ้นในช่วงแนวรับสำคัญนั่นแสดงว่า ราคากำลังเกิดการ “ปฏิเสธที่จะลงต่อ” หรือ “เกิดการเข้าซื้อ” และจะกลับตัวขึ้นไป แต่ถ้าหากว่าเกิดแท่งเทียน Pin bar ขึ้นในช่วงแนวต้านสำคัญ นั่นแสดงว่า ราคากำลังเกิดการ “ปฏิเสธที่จะขึ้นต่อ” หรือ “เกิดการเทขาย” และอาจจะเกิดการกลับตัวลงไป
2. Engulfing candlestick
Engulfing candlestick หรือที่เรียกกันว่า “แท่งเทียนกลืนกิน” เป็นแท่งเทียนที่สะท้อนถึง “แรงเข้าซื้อ” และ “แรงเทขาย” ที่ชัดเจน เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะใช้แท่งเทียน Engulfing ในการยืนยันการกลับตัวของราคา หลังจากราคาเกิดการพักตัวของราคาในช่วงแนวรับ-แนวต้าน
3. Doji candlestick
Doji candlestick หรือที่เรียกว่าแท่งเทียน “กากบาท” เป็นตัวแทนแห่ง “ความไม่แน่นอน” จะเกิดขึ้นเมื่อ แรงซื้อและแรงขายในตลาดเท่ากัน หรือเป็นช่วงที่ตลาดไม่มี Volume เข้ามามากพอที่จะขับเคลื่อนราคาให้ไปในทิศทางใดทิศทางนึงได้ ส่วนใหญ่แล้วแท่งเทียน Doji จะเกิดขึ้นในช่วงที่ราคามีการพักตัวหลังจากการพุ่งขึ้นหรือร่วงลงของราคาอย่างรุนแรง
การใช้ Price Action ในการเทรดนั้น จำเป็นที่จะต้องมีพื้นฐานในเรื่องของแนวรับ-แนวต้านมาก่อน เนื่องจากว่าการเทรดด้วย Price Action เป็นการสังเกต “การกระทำของราคา” ใน “จุดนัยสำคัญ” อย่างแนวรับ-แนวต้านนั่นเองครับ ถ้าหากว่าเทรดเดอร์ไม่มีพื้นฐานในเรื่องของแนวรับ-แนวต้านมาก่อน เทรดเดอร์ก็อาจจะเข้าออเดอร์ทุกครั้งที่เห็น Price Action เลย ก็อาจจะทำให้เทรดผิดพลาดจนล้างพอร์ตได้ โดยวิธีการเทรด Price Action จำเป็นที่ต้องมีการโฟกัสไปที่จุด “นัยสำคัญ” อย่างแนวรับ-แนวต้าน ให้ได้มากที่สุด ตัวอย่างเช่น
ตัวอย่างกราฟ XAUUSD TF 1H ได้ร่วงลงไปที่บริเวณแนวรับที่ FVG (Fair Value Gap) ก่อนเกิด Price Action รูปแบบ Tweezer Bottom และปรับตัวขึ้นไป Breakout ที่บริเวณ Swing High ก่อนหน้า ก่อนร่วงกลับมาทดสอบแนวรับที่บริเวณ Swing High ก่อนหน้า และเกิด Price Action อีกครั้ง โดยเป็นรูปแบบ Pin Bar Up ซึ่งเป็นการยืนยันว่า ราคาจะไม่กลับตัวลงมาต่ำกว่าระดับนั้นแล้ว ทั้งนี้ เทรดเดอร์สามารถเลือกเข้าเทรด Buy ได้ 2 ตัวเลือก ดังนี้
- เข้าเทรด Buy ที่บริเวณแนวรับ FVG (Fair Value Gap) หลังเกิด Price Action รูปแบบ Tweezer Bottom
- เข้าเทรด Buy ที่ Price Action รูปแบบ Pin Bar Up หลังจากราคา Breakout ที่บริเวณ Swing High ก่อนหน้า
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวรับ-แนวต้านแบบ FVG (Fair Value Gap)
เนื่องจากการที่ Price Action เป็นเทคนิคที่ใช้ในการดู “การกระทำของราคา” ในช่วงแนวรับ-แนวต้าน เพื่อที่จะดูจุุดกลับตัวของราคา ซึ่งในบางครั้ง Price Action ก็ไม่ได้เกิดขึ้นที่บริเวณแนวรับ-แนวต้าน และอาจจะทำให้เทรดเดอร์ที่ไม่เข้าใจในเรื่องของแนวรับ-แนวต้านมากพอ เข้าใจผิดคิดว่าการเกิด Price Action ที่จุดนั้น คือกลับตัวของราคา และทำให้ล้างพอร์ตได้นั่นเองครับ
ข้อดี |
ข้อเสีย |
|
|
บทความที่เกี่ยวข้องกับ Price Acion
- แนวรับ-แนวต้าน สิ่งพื้นฐานที่เทรดเดอร์ Forex ต้องรู้
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex คืออะไร ? วิเคราะห์อย่างไร ?
- Breakout คืออะไร? เทคนิคสังเกตที่ช่วยให้คุณไม่พลาดนาทีทอง
Price Action เป็นการสังเกตกิจกรรมของผู้เล่นในตลาด Forex ผ่าน “การกระทำของราคา” สิ่งที่แท่งเทียนแสดงออกมานั้น เป็นการกระทำต่าง ๆ ของผู้เล่นทั้งฝั่ง Buy และ Sell สิ่งเหล่านี้ที่แสดงออกมาผ่านแท่งเทียน สามารถบ่งบอกสถานะของตลาดได้ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับว่าเทรดเดอร์จะเข้าใจมันมากน้อยเพียงใด
อย่างไรก็ตาม การนำ Price Action มาช่วยในการวิเคราะห์ ไม่ได้มีความแม่นยำ 100% เพราะตลาด คือ ผู้ซื้อและผู้ขาย การกระทำของผู้เล่นในฝั่งใดฝั่งหนึ่ง อาจจะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อราคาได้ และจงจำไว้ว่า “เราไม่สามารถที่จะเอาชนะตลาดได้”
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers
แนะนำโบรกเกอร์สำหรับคุณ
