สอบกองทุน Forex คืออะไร? พร้อมแนะนำกองทุนที่ไม่ควรพลาด
ในการเทรด Forex ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การเทรดผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์เท่านั้น แต่เทรดเดอร์ยังสามารถเลือกเทรดกับกองทุน Forex ได้เช่นกัน ซึ่งการเทรดกับกองทุน Forex ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญที่เทรดเดอร์จะได้รับเงินทุนไปใช้ในการเทรด โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนของตนเอง เมื่อทำกำไรได้แล้ว จะมีการแบ่งผลกำไรระหว่างเทรดเดอร์และกองทุนตามสัดส่วนที่ตกลงไว้ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะได้รับสิทธิ์ในการใช้เงินทุนของกองทุนจะต้องสอบกองทุน Forex ผ่านก่อนเท่านั้น ดังนั้น ทางทีมงาน Thaiforexreview จะพาเทรดเดอร์มาทำความรู้จักกับการสอบกองทุน Forex ให้มากขึ้น พร้อมทั้งแนะนำกองทุนที่น่าสนใจที่เทรดเดอร์ไม่ควรพลาดในบทความนี้ครับ
กองทุน Forex คือ การที่บริษัทการเงินหรือโบรกเกอร์ได้ทำการสนับสนุนเงินทุนให้แก่เทรดเดอร์สำหรับใช้ในการซื้อขาย Forex หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด โดยทั้งสองฝ่ายจะมีข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน ซึ่งผลกำไรที่ได้จากการเทรดจะถูกแบ่งปันตามสัดส่วนที่ตกลงกันไว้ โดยแต่ละบริษัทก็มีข้อตกลงแตกต่างกันไป โดยทั่วไป เทรดเดอร์ที่เข้าร่วมโครงการมักจะได้รับส่วนแบ่งกำไรเพียงเล็กน้อยในช่วงการประเมิน แต่หากสามารถผ่านการประเมินและเลื่อนระดับได้ เทรดเดอร์จะรับส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะได้รับสิทธิ์ในการใช้เงินทุนจากกองทุน Forex เทรดเดอร์จะต้องผ่านการสอบกองทุนก่อน เพื่อทดสอบทักษะการเทรดและคุณสมบัติให้ตรงตามข้อกำหนดของบริษัท ซึ่งข้อกำหนดและเงื่อนไขในการสอบของแต่ละกองทุนอาจแตกต่างกันไปครับ
การสอบกองทุน Forex คือ กระบวนการคัดเลือกเทรดเดอร์ที่มีทักษะและคุณสมบัติในการบริหารจัดการเงินทุนสำหรับการลงทุนในตลาด Forex โดยบริษัทจะประเมินความสามารถของเทรดเดอร์ผ่านการสอบที่วัดทักษะความรู้ด้านการวิเคราะห์ตลาด, การจัดการความเสี่ยง และการบริหารพอร์ตการลงทุน หากสอบผ่านจะได้รับเงินทุน เพื่อนำไปใช้ในการเทรดโดยไม่ต้องใช้เงินทุนตนเองและเมื่อเทรดเดอร์ได้กำไร ต้องทำการแบ่งกำไรกับกองทุน Forex ตามสัดส่วนที่กำหนดไว้
โดยทั่วไป การสอบกองทุนจะถูกแบ่งออกเป็นหลายขั้นตอน เช่น รอบประเมิน (Evaluation Phase) และ รอบตรวจสอบผลการเทรด (Verification Phase) ซึ่งเทรดเดอร์จะต้องรักษาระดับผลตอบแทนขั้นต่ำและจำกัดการขาดทุนไม่ให้เกินที่บริษัทกำหนด หากสอบผ่านครบทุกขั้นตอน เทรดเดอร์จะได้รับเงินทุนจากกองทุนเพื่อนำไปใช้เทรดจริง โดยไม่ต้องใช้เงินทุนของตนเอง และเมื่อทำกำไรได้จะต้องแบ่งผลกำไรกับกองทุนตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ครับ
รูปแบบการสอบกองทุน Forex ทั้งหมด 4 รูปแบบหลัก ๆ โดยแต่ละรูปแบบจะมีเงื่อนไขและรายละเอียดที่แตกต่างกันไป ดังนี้
เป็นการประเมินการสอบเพียงแค่ขั้นตอนเดียวในการผ่านการสอบ โดยหลังผ่านการสอบ เทรดเดอร์จะได้รับสิทธิ์เทรดทันที ไม่ต้องผ่านการ verification phase เหมือนระบบหลายขั้นตอน ซึ่งรูปแบบนี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเข้าถึงเงินทุนอย่างรวดเร็วหรือเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สูงและต้องการประหยัดเวลา แต่อย่างไรก็ตาม ระบบนี้มักมีกฎที่เข้มงวดกว่าระบบอื่น ๆ ครับ
เงื่อนไขโดยทั่วไปของรูปแบบ 1 Step
- เป้าหมายในการทำกำไร 8-10% ของพอร์ตลงทุน
- ขาดทุนสะสมสูงสุด 10-15%
- ขาดทุนต่อวันไม่เกิน 4-5%
เป็นรูปแบบที่พบมากที่สุด โดยเทรดเดอร์ต้องผ่านการประเมิน 2 เฟส คือ Evaluation Phase และ Verification Phase ซึ่งเฟสแรกมักมีเป้าหมายกำไรสูงและเฟสที่สองจะลดความเข้มงวดลง หากเทรดเดอร์สอบผ่านครบทั้ง 2 ขั้น จะได้รับเงินทุนจากกองทุนเพื่อนำไปลงทุน โดยรูปแบบนี้เหมาะกับเทรดเดอร์ที่เน้นความรอบคอบและไม่รีบร้อนในการเริ่มต้นเทรดด้วยเงินทุนจริง
เงื่อนไขโดยทั่วไปของรูปแบบ 2 Step เบื้องต้น
- Phase 1 : เป้าหมายในการทำกำไร 8-10% ของพอร์ตลงทุน
- Phase 2 : เป้าหมายในการทำกำไร 4-5% ของพอร์ตลงทุน
- กำหนดจำนวนวันซื้อขายขั้นต่ำต่อเฟส (Phase)
เป็นรูปแบบที่มีขั้นตอนการประเมินมากที่สุด โดยจะมีทั้งหมด 3 เฟส ซึ่งแต่ละเฟสจะมีเป้าหมายการทำกำไรและข้อกำหนดด้านความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป โดยการสอบแบบ 3 ขั้นนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถประเมินทักษะของเทรดเดอร์ได้อย่างละเอียด ทั้งด้านการวางกลยุทธ์, การควบคุมอารมณ์และการจัดการพอร์ตในระยะยาว ถึงแม้จะต้องใช้เวลาในการสอบนานกว่าระบบอื่น แต่ก็มีข้อดี คือ ได้รับเงินทุนที่ค่อนข้างสูงกว่ารูปแบบอื่น เพราะบริษัทมั่นใจในความสามารถของผู้สอบผ่านมากขึ้นครับ
เงื่อนไขโดยทั่วไปของรูปแบบ 3-Step
- Phase 1: เป้าหมายกำไร 8–10% ของพอร์ตลงทุน
- Phase 2: เป้าหมายกำไร 4–5% ของพอร์ตลงทุน
- Phase 3: เป็นรอบประเมินพฤติกรรมการเทรดต่อเนื่อง (Consistency Phase)
- จำกัดขาดทุนสะสมและรายวันในระดับใกล้เคียงกับระบบ 2-Step
เป็นรูปแบบที่ไม่ต้องสอบหรือประเมินใด ๆ เทรดเดอร์สามารถเริ่มเทรดได้ทันทีหลังจากสมัครและชำระค่าธรรมเนียมตามที่บริษัทกำหนด ซึ่งรูปแบบนี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มั่นใจในทักษะและต้องการเข้าถึงเงินทุนอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการทดสอบ แต่โดยทั่วไปจะมีข้อจำกัด เช่น
- สัดส่วนแบ่งกำไรที่เทรดเดอร์ได้รับจะน้อยกว่าระบบสอบ
- ข้อกำหนดด้านความเสี่ยงเข้มงวดกว่า
- เงินทุนเริ่มต้นมักมีมูลค่าน้อยกว่าระบบที่ต้องสอบ
หมายเหตุ : เทรดเดอร์สามารถดูรูปแบบและเปรียบเทียบข้อกำหนดกองทุน Forex เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Myfxbook ครับ
- เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น : เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องใช้ทุนของตนเองในการซื้อขาย เพราะบริษัทจะเป็นผู้จัดหาเงินทุนให้กับเทรดเดอร์ในระหว่างการทำข้อตกลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพและโอกาสในการทำกำไร
- เลเวอเรจที่แตกต่างจากเดิม : เทรดเดอร์จะได้รับเลเวอเรจที่แตกต่างจากโบรกเกอร์หรือสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม ทำให้ตำแหน่งการซื้อขายของเทรดเดอร์มีความสำคัญในตลาดมากขึ้น
- ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบ : เทรดเดอร์จะได้รับการสนับสนุนอย่างรอบด้านจากมืออาชีพมากมาย ทั้งการอบรม, เครื่องมือ, คำแนะนำและเงินทุนจากบริษัทที่ทำข้อตกลงด้วย เพื่อให้การซื้อขายออกมาดีที่สุด
- การสั่งสมประสบการณ์และความรู้ : หากเทรดเดอร์มีโอกาสในการทำข้อตกลงกับบริษัทเหล่านี้ ถือเป็นการช่วยขัดเกลาความรู้และประสบการณ์เทรดให้แก่เทรดเดอร์ อีกทั้ง ยังยกระดับความสามารถอีกด้วย
- ค่าธรรมเนียม : การสอบเพื่อวัดระดับความสามารถ มีค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างสูงในระดับหนึ่ง ดังนั้น หากเทรดเดอร์ต้องการสอบก็ควรมีการเตรียมตัวให้ดี เพราะหากสอบไม่ผ่านจะสูญเสียเงินค่าธรรมเนียมเหล่านั้นไป
- ถูกจำกัด : เทรดเดอร์ที่ทำข้อตกลงกับบริษัทจะถูกจำกัดให้ใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายที่บริษัทแนะนำและข้อจำกัดในด้านกฎข้อบังคับต่าง ๆ ที่เทรดเดอร์ต้องปฏิบัติตาม ดังนั้น เทรดเดอร์จะต้องยอมรับในเงื่อนไขดังกล่าวให้ได้
- ความเครียด : เทรดเดอร์จำเป็นต้องเผชิญความเครียดจากการสอบ ทั้งการทำกำไรให้ได้ตามเป้าหมายแบบยกระดับและขาดทุนไม่เกินจำนวนที่กำหนด จากนั้น เมื่อสอบผ่านก็ต้องรักษามาตรฐานตัวเองต่อไปอีกด้วย
- ความมั่นคงในหน้าที่การงาน : การเทรด Forex เป็นอาชีพนั้น แตกต่างจากอาชีพอื่น ๆ เพราะการเทรดต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างที่ท้าทายเป็นจำนวนมาก ดังนั้น มันจึงกล่าวได้ยากว่า อาชีพนักเทรด Forex เป็นอาชีพที่มั่นคง
เมื่อเทรดเดอร์สามารถสอบผ่านและได้ทำสัญญากับกองทุน เทรดเดอร์จะได้รับสิทธิประโยชน์และผลตอบแทนหลายด้านที่ช่วยส่งเสริมทั้งทักษะในระยะยาว โดยเริ่มจากการที่เทรดเดอร์ได้รับใบรับรองการสอบผ่าน ซึ่งสามารถนำไปใช้เพิ่มความน่าเชื่อถือใน Portfolio และใช้ประกอบการสมัครงานด้านการเงินหรือการเทรดต่อไปได้ นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังมีโอกาสได้รับการคืนค่าสมัครสอบบางส่วนหรือทั้งหมด โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละกองทุน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหากสอบผ่านมักจะได้รับเงินคืนเต็มจำนวนครับ
ทั้งนี้ ในบางกองทุน เทรดเดอร์อาจได้รับเงินเดือนประจำตำแหน่งด้วย ซึ่งจำนวนเงินจะขึ้นอยู่กับข้อตกลงในสัญญาและประเทศที่กองทุนตั้งอยู่ อีกทั้งยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการเทรด โดยอัตราส่วนจะแปรผันตามความสามารถในการสร้างผลกำไรของเทรดเดอร์เอง
นอกจากนี้ กองทุนยังมีการสนับสนุนด้านการเทรด ไม่ว่าจะเป็นการอบรมเฉพาะทางหรือการเข้าถึงเครื่องมือเทรดระดับมืออาชีพ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไรและจำกัดความเสี่ยงจากการขาดทุนให้ได้มากที่สุด พร้อมทั้งมอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติม เช่น โบนัสประจำเดือน, สิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมพิเศษหรือโอกาสเลื่อนระดับบัญชีเทรด ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นผลตอบแทนที่สะท้อนถึงคุณค่าและโอกาสในการเติบโตของเทรดเดอร์ครับ
หากเทรดเดอร์ต้องการสอบกองทุน Forex จะมีวิธีเลือกบริษัทที่จัดสอบอย่างไร? ในบทความนี้ทางทีมงาน Thaiforexreview จะพาเทรดเดอร์ไปดูวิธีเลือกกองทุน Forex ที่ให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของเทรดเดอร์กันครับ
-
ดูความน่าเชื่อถือ : บริษัทที่จัดสอบกองทุน Forex มีมากมาย ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัทคร่าว ๆ ว่า มีความน่าเชื่อถือเหมาะกับการร่วมงานหรือไม่ ซึ่งอาจจะดูจากข่าวสารต่าง ๆ ของบริษัท หรือรีวิวจากผู้ใช้งานจริงที่เคยร่วมงานก็ได้เช่นกันครับ
-
ดูโปรแกรมสอบ : โดยปกติแล้ว กองทุน Forex จะมีหลายระดับ ทั้งโปรแกรมสำหรับบุคคลทั่วไปและโปรแกรมสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ ซึ่งแต่ละโปรแกรมจะมีเกณฑ์และเงื่อนไขการสอบ รวมถึงอัตราค่าธรรมเนียมในการสมัครสอบที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราจึงควรเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับระดับความสามารถและระดับเงินทุนของตนเองครับ เพราะหากสอบไม่ผ่าน เราก็จะไม่ได้รับเงินส่วนนี้คืนครับ
-
ดูรายละเอียดและเงื่อนไข : เทรดเดอร์ต้องศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขให้ดี ทั้งก่อนสอบและก่อนทำสัญญา เพราะเงื่อนไขที่จำกัดขอบเขตมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดความเครียดหรือเกิดการขาดทุนสะสมจนทำให้ต้องออกได้ครับ
-
ดูส่วนแบ่ง : เทรดเดอร์ควรดูส่วนแบ่งกำไรก่อนสมัครสอบและทำสัญญา เพราะต้องดูว่ามันสัมพันธ์กับข้อจำกัดหรือไม่ และสัมพันธ์กับข้อจำกัดและเงื่อนไขที่กองทุน Forex กำหนดหรือไม่อย่างไร เพราะหากไม่สมดุลกันและไม่ตอบโจทย์ มันก็อาจจะไม่คุ้มค่าที่จะทำครับ
ทั้งหมดนี้ คือ วิธีเลือกกองทุน Forex อย่างง่ายเท่านั้น อย่างไรก็ดี เทรดเดอร์แต่ละคนอาจมีภาระหรือข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น โปรดตัดสินใจโดยใช้เหตุผลและวิจารณญาณก่อนตัดสินใจทุกครั้งครับ เพราะหากเกิดเหตุใดขึ้น เทรดเดอร์อาจจะไม่ได้รับความรับผิดชอบดังตัวอย่างข่าว My Forex Fund (MFF) กองทุน Forex ชื่อดังที่เพิ่งประกาศระงับการใช้งานไปเมื่อเดือนกันยายน 2023 ที่ผ่านมาครับ
ทางทีมงาน Thaiforexreview ได้รวบรวมกองทุน Forex ที่ได้รับความนิยมจากเทรดเดอร์ทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อเป็นแนวทางให้เทรดเดอร์ได้เลือกกองทุนที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของตนเองครับ
|
FTMO |
€155–€1,080
≈ $171–$1,190
|
สูงสุด $200,000 | สูงสุด 90% |
|
FundingPips |
$36–$555 | สูงสุด $100,000 |
สูงสุด 95% |
|
FundedNext |
$32–$1099 | สูงสุด $200,000 | สูงสุด 95% |
|
The5%ers |
$35–$850 | สูงสุด $250,000 | สูงสุด 100% |
|
Topstep |
$49–$149/เดือน | สูงสุด $150,000 |
สูงสุด 100% ถึง $10,000
จากนั้นปรับเป็น 90%
|

ข้อมูลทั่วไป
FTMO เป็นกองทุนเทรดที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองปราก ประเทศสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดยมุ่งเน้นสนับสนุนเทรดเดอร์ที่มีความสามารถให้ได้รับเงินทุนสำหรับการเทรดในตลาด Forex ภายใต้ระบบการประเมินที่มีมาตรฐาน โปร่งใส และได้รับการยอมรับจากเทรดเดอร์ทั่วโลก
ค่าสมัครสอบ
- บัญชี 10,000 USD มีค่าใช้จ่าย 155 EUR
- บัญชี 25,000 USD มีค่าใช้จ่าย 250 EUR
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย 345 EUR
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 540 EUR
- บัญชี 200,000 USD มีค่าใช้จ่าย 1,080 EUR
ส่วนแบ่งผลกำไร
เทรดเดอร์ที่ผ่านการสอบและทำสัญญากับบริษัทจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุด 90% (เทรดเดอร์ 90% และกองทุน 10%)
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุน FTMO
| ข้อดีของกองทุน FTMO | ข้อเสียของกองทุน FTMO |
|
|

ข้อมูลทั่วไป
FundingPips เป็นกองทุนเทรดที่ได้รับความนิยมในกลุ่มเทรดเดอร์รุ่นใหม่ ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยจุดเด่นของ FundingPips คือ ระบบการสอบที่เข้าใจง่ายและมีการแบ่งกำไรให้สูงสุดถึง 90% นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขที่เป็นมิตรกับเทรดเดอร์ เช่น ไม่มีข้อจำกัดเรื่องวันเทรดขั้นต่ำและสามารถถอนกำไรได้บ่อยอีกด้วยครับ
ค่าสมัครสอบ
Zero (Instant Funding)
- บัญชี $5,000 มีค่าใช้จ่าย $69
- บัญชี $10,000 มีค่าใช้จ่าย $99
- บัญชี $25,000 มีค่าใช้จ่าย $199
- บัญชี $50,000 มีค่าใช้จ่าย $299
- บัญชี $100,000 มีค่าใช้จ่าย $499
1-Step Challenge
- บัญชี $5,000 มีค่าใช้จ่าย $59
- บัญชี $10,000 มีค่าใช้จ่าย $99
- บัญชี $25,000 มีค่าใช้จ่าย $199
- บัญชี $50,000 มีค่าใช้จ่าย $319
- บัญชี $100,000 มีค่าใช้จ่าย $555
2-Step Challenge
- บัญชี $5,000 มีค่าใช้จ่าย $36
- บัญชี $10,000 มีค่าใช้จ่าย $66
- บัญชี $25,000 มีค่าใช้จ่าย $159
- บัญชี $50,000 มีค่าใช้จ่าย $289
- บัญชี $100,000 มีค่าใช้จ่าย $529
ส่วนแบ่งผลกำไร
- จ่ายกำไรทุกวันอังคาร (Tuesday Payday) : รับส่วนแบ่งกำไร 60%
- จ่ายกำไรทุก 2 สัปดาห์ (Bi-Weekly) : รับส่วนแบ่งกำไร 80% (สำหรับบัญชี Zero: 95%)
- จ่ายกำไรทุกเดือน (Monthly) : รับส่วนแบ่งกำไร 90%
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุน FundingPips
| ข้อดีของกองทุน FundingPips | ข้อเสียของกองทุน FundingPips |
|
|

ข้อมูลทั่วไป
FundedNext ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และมีสำนักงานสาขาเพิ่มเติมใน บังกลาเทศ โดยกองทุนนี้เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ทั่วโลกได้แสดงฝีมือการเทรดเพื่อรับทุนจริงจากบริษัท พร้อมส่วนแบ่งกำไรสูงสุดถึง 90% และยังมีระบบ 15% profit share ระหว่างการสอบ ที่ช่วยให้เทรดเดอร์ได้รับรายได้ตั้งแต่ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบอีกด้วยครับ
ค่าสมัครสอบ
Stellar 1-Step :
- บัญชี $6,000 มีค่าใช้จ่าย $65
- บัญชี $15,000 มีค่าใช้จ่าย $129
- บัญชี $25,000 มีค่าใช้จ่าย $219
- บัญชี $50,000 มีค่าใช้จ่าย $329
- บัญชี $100,000 มีค่าใช้จ่าย $569
- บัญชี $200,000 มีค่าใช้จ่าย $1099
Stellar 2-Step :
- บัญชี $6,000 มีค่าใช้จ่าย $59
- บัญชี $15,000 มีค่าใช้จ่าย $119
- บัญชี $25,000 มีค่าใช้จ่าย $199
- บัญชี $50,000 มีค่าใช้จ่าย $299
- บัญชี $100,000 มีค่าใช้จ่าย $549
- บัญชี $200,000 มีค่าใช้จ่าย $1099
Stellar Lite :
- บัญชี $5,000 มีค่าใช้จ่าย $32
- บัญชี $10,000 มีค่าใช้จ่าย $59
- บัญชี $25,000 มีค่าใช้จ่าย $139
- บัญชี $50,000 มีค่าใช้จ่าย $229
- บัญชี $100,000 มีค่าใช้จ่าย $399
- บัญชี $200,000 มีค่าใช้จ่าย $798
ส่วนแบ่งผลกำไร
- Stellar 1-Step : รับส่วนแบ่งกำไร 90%
- Stellar 2-Step : รับส่วนแบ่งกำไร 80%-90% หลัง scaling (ปรับเพิ่มขนาดพอร์ตเมื่อทำกำไรตามเงื่อนไข)
- Stellar Lite : รับส่วนแบ่งกำไร 80%-95% หากซื้อ add-on เพิ่ม
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุน FundedNext
| ข้อดีของกองทุน FundedNext | ข้อเสียของกองทุน FundedNext |
|
|

ข้อมูลทั่วไป
The5%ers ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ เมืองเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล โดยกองทุน Forex นี้เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ทั่วโลกได้เข้าร่วมโปรแกรมการทดสอบเพื่อรับเงินทุนเทรดจริง ซึ่งจุดเด่นของ The5%ers คือ โครงสร้างโปรแกรมที่หลากหลายและยืดหยุ่น อีกทั้งยังมีระบบ Scaling Plan ที่เพิ่มขนาดเงินทุนให้เมื่อเทรดเดอร์ทำกำไรตามเป้าหมายที่กำหนดครับ
ค่าสมัครสอบ
Hyper Growth (1-Step) :
- บัญชี $5,000 มีค่าใช้จ่าย $260
- บัญชี $10,000 มีค่าใช้จ่าย $450
- บัญชี $20,000 มีค่าใช้จ่าย $850
High Stakes (2-Step) :
- บัญชี $5,000 มีค่าใช้จ่าย $39
- บัญชี $10,000 มีค่าใช้จ่าย $78
- บัญชี $20,000 มีค่าใช้จ่าย $165
- บัญชี $50,000 มีค่าใช้จ่าย $329
- บัญชี $100,000 มีค่าใช้จ่าย $545
Bootcamp (3-Step) :
- บัญชี $100,000 มีค่าใช้จ่าย $95
- บัญชี $250,000 มีค่าใช้จ่าย $225
หมายเหตุ : บัญชี Bootcamp มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม $350
ส่วนแบ่งผลกำไร
เทรดเดอร์ที่ผ่านการสอบและทำสัญญากับบริษัทจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุด 100% แต่มีเงื่อนไขในการทำกำไรเพิ่มเติม
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุน The5%ers
| ข้อดีของกองทุน The5%ers | ข้อเสียของกองทุน The5%ers |
|
|

ข้อมูลทั่วไป
Topstep ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในกองทุนเทรดที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยเน้นให้เทรดเดอร์ทำการซื้อขายผ่านตลาดฟิวเจอร์สมากกว่า Forex แบบทั่วไป ซึ่งจุดเด่นของ Topstep คือ มีโปรแกรมฝึกฝน (Trading Combine) เพื่อช่วยเทรดเดอร์พัฒนาทักษะก่อนเข้าสู่บัญชีทุนจริงครับ
ค่าสมัครสอบ
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย $49/เดือน
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย $99/เดือน
- บัญชี 150,000 USD มีค่าใช้จ่าย $149/เดือน
ส่วนแบ่งผลกำไร
เทรดเดอร์ที่ทำสัญญากับบริษัทจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุด 100% จนถึง 10,000 USD จากนั้นจะปรับเป็น 90% (เทรดเดอร์ 90% และกองทุน 10%)
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุน FTMO
| ข้อดีของกองทุน Topstep | ข้อเสียของกองทุน Topstep |
|
|
ทำไมต้องสอบกองทุน Forex?
► เพื่อขอทุนในการเทรด หากมีกำไรก็สามารถเก็บรายได้จากค่าคอมมิชชันได้ครับ
FTMO ประเทศอะไร?
► กองทุน FTMO เป็นกองทุนสัญชาติยุโรป
ระหว่างสอบสามารถถอนกำไรได้ไหม?
► บางกองทุนสามารถถอนได้ เช่น FundingPips หรือ FundedNext ที่มีระบบให้ถอนกำไรระหว่างสอบ แต่กองทุนส่วนใหญ่จะต้องอยู่ในขอบเขตและเงื่อนไขที่กองทุนกำหนดครับ
ใครสามารถสอบกองทุนได้บ้าง?
► เทรดเดอร์ทุกคนสามารถสมัครได้ แต่ควรมีทักษะพื้นฐานในการเทรดและสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทุนได้ครับ
การสอบกองทุน Forex เป็นการสอบเพื่อรับเงินทุนจากกองทุนและนำไปเทรดทำกำไร โดยมีเงื่อนไข, ข้อตกลงการแบ่งกำไรและรายละเอียดต่าง ๆ ซึ่งแต่ละกองทุนมีข้อกำหนดและส่วนแบ่งกำไรที่แตกต่างกัน รวมถึงค่าสมัครสอบที่แตกต่างกันด้วย ดังนั้น เทรดเดอร์ควรศึกษาข้อมูลกองทุน Forex นั้น ๆ อย่างรอบคอบก่อนสมัครสอบหรือทำข้อตกลง เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของตนเอง ทั้งนี้ ทางทีมงาน Thaiforexreview ได้รวบรวมข้อมูลของกองทุน Forex ที่น่าสนใจและได้รับความนิยม เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับเทรดเดอร์ในการศึกษาและเปรียบเทียบค่าสมัครสอบ รวมถึงข้อกำหนดต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจครับ
อย่างไรก็ตาม การสอบกองทุน Forex ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเทรดเดอร์ที่มีทักษะความรู้และวินัยในการเทรด เพราะสามารถเข้าถึงเงินทุนขนาดใหญ่ได้ โดยไม่ต้องใช้เงินตัวเอง แต่เทรดเดอร์ควรเลือกกองทุนให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและเงื่อนไขที่เทรดเดอร์สามารถยอมรับได้ครับ
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers