List of content
แนะนำ “10 กองทุน Forex” ตัวช่วยเพิ่มโอกาส สร้างอาชีพ แก่เทรดเดอร์ Forex ทั่วโลก

หากต้องการเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องมีเงินอย่างมหาศาล? เทรดเดอร์หลายคนมักจะมีความคิดเช่นนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เทรดเดอร์ Forex ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายขนาดนั้นครับ เพราะการเทรด Forex มีการใช้ Leverage เพื่อเพิ่มอัตราคูณ และการให้กู้ยืมเงินในหลายรูปแบบ ทั้งประเภทบัญชีที่ใช้ซื้อขายหลักทรัพย์ รวมถึงองค์กรที่ถูกเรียกว่า “กองทุน Forex” ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า การเทรด Forex ให้ประสบความสำเร็จนั้น เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีเงินเยอะเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญ คือ ต้องเป็นคนที่มีความรู้ ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งสร้างโอกาสให้ตัวเองได้มากเท่านั้นครับ ซึ่ง Thaiforexreview จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักโอกาสที่ว่านี้กันครับ
กองทุน Forex (Forex Funding) คือ การที่บริษัทสนับสนุน (Proprietary Trading Firm) ซึ่งเป็นบริษัทการค้าชนิดหนึ่ง ได้ทำการสนับสนุนเงินทุนแก่เทรดเดอร์ในการซื้อขาย Forex หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ตามข้อกำหนดของบริษัท โดยมีข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนที่แตกต่างกันไปในแต่ละบริษัท ซึ่งเทรดเดอร์อาจได้รับส่วนแบ่งมากถึง 90% ของข้อตกลงนี้
โดยส่วนมาก เทรดเดอร์ที่สมัครเข้าร่วมโครงการมักจะได้รับส่วนแบ่งเล็กน้อยในระหว่างการประเมิน และหากสามารถเลื่อนระดับได้ ส่วนแบ่งกำไรก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
นอกจากส่วนแบ่งกำไรที่เทรดเดอร์จะได้รับแล้ว ยังมีสิทธิพิเศษอื่น ๆ อาทิ การสนับสนุนการฝึกอบรม และเครื่องมือการซื้อขายแบบมืออาชีพ เพื่อส่งเสริมการทำกำไรและจำกัดการขาดทุนให้ได้มากที่สุด ดังนั้น เทรดเดอร์ที่ทำข้อตกลงกับบริษัทจึงต้องพัฒนาฝีมือและปฏิบัติตามกฎของบริษัทอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม การคัดเลือกเทรดเดอร์มืออาชีพเพื่อทำข้อตกลงร่วมกับบริษัทนั้น เทรดเดอร์จำเป็นต้องพิสูจน์ว่า พวกเขามีทักษะและคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดผ่านการสอบวัดระดับต่าง ๆ ซึ่งมีรายละเอียดแตกต่างกันไปแล้วแต่บริษัท หากสอบผ่านจึงจะได้รับสิทธิ์ในการทำข้อตกลงร่วมกับบริษัทนั้น ๆ
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุน Forex
แม้กองทุน Forex จะดูเหมือนเป็นความหวังครั้งใหญ่ของเทรดเดอร์จำนวนมาก แต่มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกันครับ เรามาดูกันดีกว่าว่า กองทุน Forex มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร
• เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น : คุณไม่จำเป็นต้องใช้ทุนของตนเองในการซื้อขาย เพราะบริษัทจะเป็นผู้จัดหาเงินทุนให้คุณเป็นจำนวนมากในระหว่างการทำข้อตกลง ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพและโอกาสในการทำกำไร แตกต่างจากการซื้อขายด้วยทุนของตัวเอง
• เลเวอเรจที่แตกต่างจากเดิม : คุณจะได้รับเลเวอเรจที่แตกต่างจากโบรกเกอร์หรือสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม ทำให้ตำแหน่งการซื้อขายของคุณมีความสำคัญในตลาด ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร ขณะเดียวกันก็เพิ่มโอกาสขาดทุนเช่นกัน
• ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบ : คุณจะได้รับการสนับสนุนอย่างรอบด้านจากมืออาชีพมากมาย ทั้งการอบรม เครื่องมือ คำแนะนำ และเงินทุนจากบริษัทที่ทำข้อตกลงด้วย เพื่อให้การซื้อขายออกมาดีที่สุด
• การสั่งสมประสบการณ์และความรู้ : หากคุณมีโอกาสในการทำข้อตกลงกับบริษัทเหล่านี้ มันจะช่วยขัดเกลาความรู้และประสบการณ์เทรดให้แก่คุณ อีกทั้ง ยังยกระดับความสามารถและประวัติของคุณด้วย เพราะการทำข้อตกลงร่วมกับบริษัทเหล่านี้ได้ นั่นหมายถึงระดับความสามารถและความน่าเชื่อถือของคุณ 1
• ค่าธรรมเนียม : หากคุณต้องการร่วมงานกับบริษัทเหล่านี้ คุณจำเป็นต้องสอบเพื่อวัดระดับความสามารถ โดยมีค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างสูงในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้สูงเกินไปนัก หากเทียบกับจำนวนเงินทุนที่คุณจะได้รับ อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการสอบก็ควรมีการเตรียมตัวให้ดี เพราะหากสอบไม่ผ่าน คุณจะสูญเสียเงินเหล่านั้นไป
• ถูกจำกัด : เทรดเดอร์ที่ทำข้อตกลงกับบริษัทจะถูกจำกัดให้ใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายที่บริษัทแนะนำ และข้อจำกัดในด้านกฎข้อบังคับต่าง ๆ ที่เทรดเดอร์ต้องปฏิบัติตาม ดังนั้น เทรดเดอร์จะต้องยอมรับในเงื่อนไขดังกล่าวให้ได้
• ความเครียด : เทรดเดอร์จำเป็นต้องเผชิญความเครียดจากการสอบ ทั้งการทำกำไรให้ได้ตามเป้าหมายแบบยกระดับ และขาดทุนไม่เกินจำนวนที่กำหนด จากนั้น เมื่อสอบผ่านก็ต้องรักษามาตรฐานตัวเองต่อไปด้วย
• ความมั่นคงในหน้าที่การงาน : การเทรด Forex เป็นอาชีพนั้น แตกต่างจากอาชีพอื่น ๆ เพราะการเทรดต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างที่ท้าทายเป็นจำนวนมาก ดังนั้น มันจึงกล่าวได้ยากว่า อาชีพนักเทรด Forex เป็นอาชีพที่มั่นคง
หากคุณต้องการสอบกองทุน Forex จะมีวิธีเลือกบริษัทที่จัดสอบอย่างไร? วันนี้ Thaiforexreview จะพาทุกท่านไปดูวิธีเลือกกองทุน Forex ที่เหมาะสมกับแต่ละคนกันครับ
-
ดูความน่าเชื่อถือ : บริษัทที่จัดสอบกองทุน Forex มีมากมาย ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัทคร่าว ๆ ว่า มีความน่าเชื่อถือเหมาะกับการร่วมงานหรือไม่ ซึ่งอาจจะดูจากข่าวสารต่าง ๆ ของบริษัท หรือรีวิวจากผู้ใช้งานจริงที่เคยร่วมงานก็ได้เช่นกันครับ
-
ดูโปรแกรมสอบ : โดยปกติแล้ว กองทุน Forex จะมีหลายระดับ ทั้งโปรแกรมสำหรับบุคคลทั่วไปและโปรแกรมสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ ซึ่งแต่ละโปรแกรมจะมีเกณฑ์และเงื่อนไขการสอบ รวมถึงอัตราค่าธรรมเนียมในการสมัครสอบที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราจึงควรเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับระดับความสามารถและระดับเงินทุนของตนเองครับ เพราะหากสอบไม่ผ่าน เราก็จะไม่ได้รับเงินส่วนนี้คืนครับ
-
ดูรายละเอียดและเงื่อนไข : หากคุณต้องการทำงานร่วมกับกองทุน Forex คุณก็จำเป็นที่จะต้องศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขให้ดี ทั้งก่อนสอบและก่อนทำสัญญา เพราะเงื่อนไขที่จำกัดขอบเขตมากเกินไปอาจจะทำให้คุณเกิดความเครียด หรือเกิดการขาดทุนสะสมจนทำให้ต้องออกจากงานได้ครับ ดูข้อจำกัดที่กองทุน Forex ใช้ในการสอบได้ที่ หัวข้อสอบกองทุน Forex ยังไง?
-
ดูส่วนแบ่ง : ประเด็นสุดท้ายที่ควรดูก่อนสมัครสอบและทำสัญญา คือ ส่วนแบ่งกำไร ซึ่งจำเป็นในการตัดสินใจเป็นอย่างมาก เพราะเราต้องดูว่ามันสัมพันธ์กับข้อจำกัดของเราหรือไม่ และสัมพันธ์กับข้อจำกัดและเงื่อนไขที่กองทุน Forex กำหนดหรือไม่อย่างไร เพราะหากมันไม่สมดุลและไม่ตอบโจทย์ มันก็อาจจะไม่คุ้มค่าที่จะทำครับ
ทั้งหมดนี้ คือ วิธีเลือกกองทุน Forex อย่างง่ายเท่านั้น อย่างไรก็ดี แต่ละท่านอาจมีภาระหรือข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนั้น โปรดตัดสินใจโดยใช้เหตุผลและวิจารณญาณกันด้วยนะครับ เพราะหากเกิดเหตุใดขึ้น เราอาจจะไม่ได้รับความรับผิดชอบดังตัวอย่างข่าว My Forex Fund (MFF) กองทุน Forex ชื่อดังที่เพิ่งประกาศระงับการใช้งานไปเมื่อต้นเดือนกันยายน 2023 ที่ผ่านมาครับ
______________________________________________
จากข้างต้น เรารู้ถึงหลักการทำงานของกองทุน Forex ไปแล้ว ในลำดับต่อไป ผมจะพาทุกท่านไปรู้จัก 10 กองทุน Forex ที่ได้รับความนิยมจากเทรดเดอร์ชาวไทยและต่างชาติกันครับ จะมีอะไรบ้าง ไปติดตามได้เลยครับ
กองทุน Forex | อัตราค่าสมัคร | เงินทุนสนับสนุน |
ส่วนแบ่ง |
---|---|---|---|
FTMO |
€155 – €1,080
≈ $171 – $1,190
|
สูงสุด $400,000 | สูงสุด 90% |
MFF |
$49 – $2,450 | สูงสุด $600,000 | สูงสุด 85% |
TFT |
$289 – $1,869 | สูงสุด $1,500,000 | สูงสุด 90% |
The5%ers |
$95 – $850 | สูงสุด $4,000,000 | สูงสุด 100% |
CTI |
$49 – $5,999 | สูงสุด $4,000,000 | สูงสุด 100% |
SurgeTrader |
$250 – $6,500 | สูงสุด $1,000,000 | สูงสุด 75% |
Fidelcrest |
€649 – €2,899
≈ $715 – $3,194
|
สูงสุด $1,000,000 | สูงสุด 90% |
FundedNext |
$99 – $999 | สูงสุด $4,000,000 | สูงสุด 90% |
Topstep |
$165 – $375 / เดือน | สูงสุด $1,500,000 |
สูงสุด 100% ถึง $5,000
จากนั้นปรับเป็น 80%
|
Lux Trading Firm |
£149 – £599
≈ $186 – $747
|
สูงสุด $10,000,000 | สูงสุด 75% |
ข้อมูลทั่วไป
เว็บไซต์ : ftmo.com
สำนักงานใหญ่ : Praha, Hlavni Mesto Praha, Czech Republic
ปีที่ก่อตั้ง : 2014
ค่าสมัครสอบ
Normal Risk
- บัญชี 10,000 USD มีค่าใช้จ่าย 155 EUR
- บัญชี 25,000 USD มีค่าใช้จ่าย 250 EUR
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย 345 EUR
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 540 EUR
- บัญชี 200,000 USD มีค่าใช้จ่าย 1,080 EUR
Aggressive Risk
- บัญชี 10,000 USD มีค่าใช้จ่าย 250 EUR
- บัญชี 25,000 USD มีค่าใช้จ่าย 345 EUR
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย 540 EUR
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 1,080 EUR
ส่วนแบ่งผลกำไร
เทรดเดอร์ที่ทำสัญญากับบริษัทจะได้รับส่วนแบ่ง 80% สูงสุด 90% โดยมีเงินทุนสูงสุด 400,000 USD
คุณสมบัติ
- บัญชี Swing ไม่มีข้อจำกัดในการถือครองตำแหน่งในช่วงสุดสัปดาห์หรือในช่วงเปิดตัวเศรษฐกิจจุลภาค
- เพิ่มวงเงินคงเหลือในบัญชี 25% ทุก 4 เดือน แผนการปรับขนาดช่วยให้มั่นใจได้ถึงความสัมพันธ์ทางธุรกิจในระยะยาว
- อัตราส่วนแบ่ง 80:20 จะปรับเป็น 90:10 เมื่อวงเงินคงเหลือในบัญชี FTMO เพิ่มขึ้น
- แอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นสำหรับเทรดเดอร์ ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์มีระเบียบวินัย เพราะสามารถจดบันทึกผลการเทรด และวิเคราะห์ตลาดได้
- เลเวอเรจสูงสุด 1:100
- สเปรดต่ำ
- จ่ายค่าธรรมเนียมเพียงครั้งเดียว เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
- จ่ายผลตอบแทนเดือนละครั้ง
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุน FTMO
ข้อดี FTMO
- สามารถเข้าถึงเครื่องมือการซื้อขายได้ทั้ง MT4, MT5 และ cTrader
- เทรดเดอร์จะได้รับข้อมูลที่มาจากผู้ให้บริการสภาพคล่องเพื่อจำลองสภาวะตลาดจริง เพื่อทำเงินให้มากขึ้นเมื่อทำการซื้อขาย
- รองรับการซื้อขาย Forex, Cryptocurrency, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, หุ้น และพันธบัตร
- รองรับการชำระเงินผ่าน 7 ช่องทาง รวมทั้งการโอนเงินผ่านธนาคารและ Skrill
ข้อเสีย FTMO
- อัตราค่าสมัครสูง เมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่น ๆ
- ไม่สามารถถือออเดอร์ในช่วงปิดตลาดสุดสัปดาห์ได้ เว้นแต่คุณจะใช้ความท้าทายแบบ Swing Trade
* ในขณะนี้กองทุน MFF ในตอนนี้ได้ปิดให้บริการแล้ว สามารถเข้าไปดูสาเหตุในการปิดให้บริการได้ ที่นี่
ข้อมูลทั่วไป
เว็บไซต์ : myforexfunds.com
สำนักงานใหญ่ : Toronto, Ontario, Canada
ปีที่ก่อตั้ง : 2020
ปีที่ปิดตัว : 2023
ข้อมูลทั่วไป
เว็บไซต์ : thefundedtraderprogram.com
สำนักงานใหญ่ : Fort Lauderdale, Florida, USA
ปีที่ก่อตั้ง : 2021
ค่าสมัครสอบ
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย 289 USD
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 489 USD
- บัญชี 200,000 USD มีค่าใช้จ่าย 939 USD
- บัญชี 300,000 USD มีค่าใช้จ่าย 1,399 USD
- บัญชี 400,000 USD มีค่าใช้จ่าย 1,869 USD
ส่วนแบ่งผลกำไร
เทรดเดอร์ที่ทำสัญญากับบริษัทจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุด 90% โดยมีเงินทุนสูงสุด 1,500,000 USD
คุณสมบัติ
- ขนาดบัญชีสูงสุด 600,000 USD
- เลเวอเรจสูงสุด 1:200
- อนุญาตให้ซื้อขายด้วยข่าว
- อนุญาตให้ซื้อขายในวันหยุดสุดสัปดาห์และซื้อขายข้ามคืนได้
ข้อดี-ข้อเสียกองทุน TFT
ข้อดี TFT
- กฎการซื้อขายที่ผ่อนคลาย
- ดึงดูดผลประโยชน์ด้วยแผนการปรับขนาด ซึ่งช่วยให้นักเทรดมียอดเงินคงเหลือสูงสุดถึง 1,500,000 USD และส่วนแบ่งกำไรที่สูงสุดถึง 90%
- รองรับตราสารการซื้อขายมากมาย เช่น Forex, Cryptocurrency, ดัชนี เป็นต้น
ข้อเสีย TFT
- บริษัทยังเปิดได้ไม่นาน
- ฝ่ายสนับสนุนลูกค้ายังทำงานไม่ค่อยดี
ข้อมูลทั่วไป
เว็บไซต์ : the5ers.com
สำนักงานใหญ่ : Haroshet Street, Raanana, Israel
ปีที่ก่อตั้ง : 2016
ค่าสมัครสอบ
Bootcamp Program
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 95 USD
- บัญชี 250,000 USD มีค่าใช้จ่าย 225 USD
Instant Funding Program
- บัญชี 10,000 USD มีค่าใช้จ่าย 260 USD
- บัญชี 20,000 USD มีค่าใช้จ่าย 450 USD
- บัญชี 40,000 USD มีค่าใช้จ่าย 850 USD
High Stakes Program
- บัญชี 20,000 USD มีค่าใช้จ่าย 165 USD
- บัญชี 60,000 USD มีค่าใช้จ่าย 300 USD
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 495 USD
ส่วนแบ่งผลกำไร
เทรดเดอร์ที่ทำสัญญากับบริษัทจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุด 100% โดยมีเงินทุนสูงสุด 4,000,000 USD
คุณสมบัติ
- ห้องซื้อขายสดทุกวัน 4 ครั้ง/สัปดาห์
- สถิติประสิทธิภาพการซื้อขาย
- การสัมมนาผ่านเว็บฟรี