List of content
แนะนำ “10 กองทุน Forex” ตัวช่วยเพิ่มโอกาส สร้างอาชีพ แก่เทรดเดอร์ Forex ทั่วโลก
![แนะนำ “10 กองทุน Forex” ตัวช่วยเพิ่มโอกาส สร้างอาชีพ แก่เทรดเดอร์ Forex ทั่วโลก]( https://thaiforexreview.com//storage/blogs/c92299887bd5afa488442627b36b3808.jpg)
หากต้องการเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องมีเงินอย่างมหาศาล? เทรดเดอร์หลายคนมักจะมีความคิดเช่นนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เทรดเดอร์ Forex ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายขนาดนั้นครับ เพราะการเทรด Forex มีการใช้ Leverage เพื่อเพิ่มอัตราคูณ และการให้กู้ยืมเงินในหลายรูปแบบ ทั้งประเภทบัญชีที่ใช้ซื้อขายหลักทรัพย์ รวมถึงองค์กรที่ถูกเรียกว่า “กองทุน Forex” ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า การเทรด Forex ให้ประสบความสำเร็จนั้น เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีเงินเยอะเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญ คือ ต้องเป็นคนที่มีความรู้ ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งสร้างโอกาสให้ตัวเองได้มากเท่านั้นครับ ซึ่ง Thaiforexreview จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักโอกาสที่ว่านี้กันครับ
กองทุน Forex (Forex Funding) คือ การที่บริษัทสนับสนุน (Proprietary Trading Firm) ซึ่งเป็นบริษัทการค้าชนิดหนึ่ง ได้ทำการสนับสนุนเงินทุนแก่เทรดเดอร์ในการซื้อขาย Forex หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ตามข้อกำหนดของบริษัท โดยมีข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนที่แตกต่างกันไปในแต่ละบริษัท ซึ่งเทรดเดอร์อาจได้รับส่วนแบ่งมากถึง 90% ของข้อตกลงนี้
โดยส่วนมาก เทรดเดอร์ที่สมัครเข้าร่วมโครงการมักจะได้รับส่วนแบ่งเล็กน้อยในระหว่างการประเมิน และหากสามารถเลื่อนระดับได้ ส่วนแบ่งกำไรก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
นอกจากส่วนแบ่งกำไรที่เทรดเดอร์จะได้รับแล้ว ยังมีสิทธิพิเศษอื่น ๆ อาทิ การสนับสนุนการฝึกอบรม และเครื่องมือการซื้อขายแบบมืออาชีพ เพื่อส่งเสริมการทำกำไรและจำกัดการขาดทุนให้ได้มากที่สุด ดังนั้น เทรดเดอร์ที่ทำข้อตกลงกับบริษัทจึงต้องพัฒนาฝีมือและปฏิบัติตามกฎของบริษัทอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม การคัดเลือกเทรดเดอร์มืออาชีพเพื่อทำข้อตกลงร่วมกับบริษัทนั้น เทรดเดอร์จำเป็นต้องพิสูจน์ว่า พวกเขามีทักษะและคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดผ่านการสอบวัดระดับต่าง ๆ ซึ่งมีรายละเอียดแตกต่างกันไปแล้วแต่บริษัท หากสอบผ่านจึงจะได้รับสิทธิ์ในการทำข้อตกลงร่วมกับบริษัทนั้น ๆ
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุน Forex
แม้กองทุน Forex จะดูเหมือนเป็นความหวังครั้งใหญ่ของเทรดเดอร์จำนวนมาก แต่มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกันครับ เรามาดูกันดีกว่าว่า กองทุน Forex มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร
• เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น : คุณไม่จำเป็นต้องใช้ทุนของตนเองในการซื้อขาย เพราะบริษัทจะเป็นผู้จัดหาเงินทุนให้คุณเป็นจำนวนมากในระหว่างการทำข้อตกลง ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพและโอกาสในการทำกำไร แตกต่างจากการซื้อขายด้วยทุนของตัวเอง
• เลเวอเรจที่แตกต่างจากเดิม : คุณจะได้รับเลเวอเรจที่แตกต่างจากโบรกเกอร์หรือสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม ทำให้ตำแหน่งการซื้อขายของคุณมีความสำคัญในตลาด ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร ขณะเดียวกันก็เพิ่มโอกาสขาดทุนเช่นกัน
• ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบ : คุณจะได้รับการสนับสนุนอย่างรอบด้านจากมืออาชีพมากมาย ทั้งการอบรม เครื่องมือ คำแนะนำ และเงินทุนจากบริษัทที่ทำข้อตกลงด้วย เพื่อให้การซื้อขายออกมาดีที่สุด
• การสั่งสมประสบการณ์และความรู้ : หากคุณมีโอกาสในการทำข้อตกลงกับบริษัทเหล่านี้ มันจะช่วยขัดเกลาความรู้และประสบการณ์เทรดให้แก่คุณ อีกทั้ง ยังยกระดับความสามารถและประวัติของคุณด้วย เพราะการทำข้อตกลงร่วมกับบริษัทเหล่านี้ได้ นั่นหมายถึงระดับความสามารถและความน่าเชื่อถือของคุณ 1
• ค่าธรรมเนียม : หากคุณต้องการร่วมงานกับบริษัทเหล่านี้ คุณจำเป็นต้องสอบเพื่อวัดระดับความสามารถ โดยมีค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างสูงในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้สูงเกินไปนัก หากเทียบกับจำนวนเงินทุนที่คุณจะได้รับ อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการสอบก็ควรมีการเตรียมตัวให้ดี เพราะหากสอบไม่ผ่าน คุณจะสูญเสียเงินเหล่านั้นไป
• ถูกจำกัด : เทรดเดอร์ที่ทำข้อตกลงกับบริษัทจะถูกจำกัดให้ใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายที่บริษัทแนะนำ และข้อจำกัดในด้านกฎข้อบังคับต่าง ๆ ที่เทรดเดอร์ต้องปฏิบัติตาม ดังนั้น เทรดเดอร์จะต้องยอมรับในเงื่อนไขดังกล่าวให้ได้
• ความเครียด : เทรดเดอร์จำเป็นต้องเผชิญความเครียดจากการสอบ ทั้งการทำกำไรให้ได้ตามเป้าหมายแบบยกระดับ และขาดทุนไม่เกินจำนวนที่กำหนด จากนั้น เมื่อสอบผ่านก็ต้องรักษามาตรฐานตัวเองต่อไปด้วย
• ความมั่นคงในหน้าที่การงาน : การเทรด Forex เป็นอาชีพนั้น แตกต่างจากอาชีพอื่น ๆ เพราะการเทรดต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างที่ท้าทายเป็นจำนวนมาก ดังนั้น มันจึงกล่าวได้ยากว่า อาชีพนักเทรด Forex เป็นอาชีพที่มั่นคง
หากคุณต้องการสอบกองทุน Forex จะมีวิธีเลือกบริษัทที่จัดสอบอย่างไร? วันนี้ Thaiforexreview จะพาทุกท่านไปดูวิธีเลือกกองทุน Forex ที่เหมาะสมกับแต่ละคนกันครับ
-
ดูความน่าเชื่อถือ : บริษัทที่จัดสอบกองทุน Forex มีมากมาย ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัทคร่าว ๆ ว่า มีความน่าเชื่อถือเหมาะกับการร่วมงานหรือไม่ ซึ่งอาจจะดูจากข่าวสารต่าง ๆ ของบริษัท หรือรีวิวจากผู้ใช้งานจริงที่เคยร่วมงานก็ได้เช่นกันครับ
-
ดูโปรแกรมสอบ : โดยปกติแล้ว กองทุน Forex จะมีหลายระดับ ทั้งโปรแกรมสำหรับบุคคลทั่วไปและโปรแกรมสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ ซึ่งแต่ละโปรแกรมจะมีเกณฑ์และเงื่อนไขการสอบ รวมถึงอัตราค่าธรรมเนียมในการสมัครสอบที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราจึงควรเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับระดับความสามารถและระดับเงินทุนของตนเองครับ เพราะหากสอบไม่ผ่าน เราก็จะไม่ได้รับเงินส่วนนี้คืนครับ
-
ดูรายละเอียดและเงื่อนไข : หากคุณต้องการทำงานร่วมกับกองทุน Forex คุณก็จำเป็นที่จะต้องศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขให้ดี ทั้งก่อนสอบและก่อนทำสัญญา เพราะเงื่อนไขที่จำกัดขอบเขตมากเกินไปอาจจะทำให้คุณเกิดความเครียด หรือเกิดการขาดทุนสะสมจนทำให้ต้องออกจากงานได้ครับ ดูข้อจำกัดที่กองทุน Forex ใช้ในการสอบได้ที่ หัวข้อสอบกองทุน Forex ยังไง?
-
ดูส่วนแบ่ง : ประเด็นสุดท้ายที่ควรดูก่อนสมัครสอบและทำสัญญา คือ ส่วนแบ่งกำไร ซึ่งจำเป็นในการตัดสินใจเป็นอย่างมาก เพราะเราต้องดูว่ามันสัมพันธ์กับข้อจำกัดของเราหรือไม่ และสัมพันธ์กับข้อจำกัดและเงื่อนไขที่กองทุน Forex กำหนดหรือไม่อย่างไร เพราะหากมันไม่สมดุลและไม่ตอบโจทย์ มันก็อาจจะไม่คุ้มค่าที่จะทำครับ
ทั้งหมดนี้ คือ วิธีเลือกกองทุน Forex อย่างง่ายเท่านั้น อย่างไรก็ดี แต่ละท่านอาจมีภาระหรือข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนั้น โปรดตัดสินใจโดยใช้เหตุผลและวิจารณญาณกันด้วยนะครับ เพราะหากเกิดเหตุใดขึ้น เราอาจจะไม่ได้รับความรับผิดชอบดังตัวอย่างข่าว My Forex Fund (MFF) กองทุน Forex ชื่อดังที่เพิ่งประกาศระงับการใช้งานไปเมื่อต้นเดือนกันยายน 2023 ที่ผ่านมาครับ
______________________________________________
จากข้างต้น เรารู้ถึงหลักการทำงานของกองทุน Forex ไปแล้ว ในลำดับต่อไป ผมจะพาทุกท่านไปรู้จัก 10 กองทุน Forex ที่ได้รับความนิยมจากเทรดเดอร์ชาวไทยและต่างชาติกันครับ จะมีอะไรบ้าง ไปติดตามได้เลยครับ
กองทุน Forex | อัตราค่าสมัคร | เงินทุนสนับสนุน |
ส่วนแบ่ง |
---|---|---|---|
FTMO |
€155 – €1,080
≈ $171 – $1,190
|
สูงสุด $400,000 | สูงสุด 90% |
MFF |
$49 – $2,450 | สูงสุด $600,000 | สูงสุด 85% |
TFT |
$289 – $1,869 | สูงสุด $1,500,000 | สูงสุด 90% |
The5%ers |
$95 – $850 | สูงสุด $4,000,000 | สูงสุด 100% |
CTI |
$49 – $5,999 | สูงสุด $4,000,000 | สูงสุด 100% |
SurgeTrader |
$250 – $6,500 | สูงสุด $1,000,000 | สูงสุด 75% |
Fidelcrest |
€649 – €2,899
≈ $715 – $3,194
|
สูงสุด $1,000,000 | สูงสุด 90% |
FundedNext |
$99 – $999 | สูงสุด $4,000,000 | สูงสุด 90% |
Topstep |
$165 – $375 / เดือน | สูงสุด $1,500,000 |
สูงสุด 100% ถึง $5,000
จากนั้นปรับเป็น 80%
|
Lux Trading Firm |
£149 – £599
≈ $186 – $747
|
สูงสุด $10,000,000 | สูงสุด 75% |
ข้อมูลทั่วไป
เว็บไซต์ : ftmo.com
สำนักงานใหญ่ : Praha, Hlavni Mesto Praha, Czech Republic
ปีที่ก่อตั้ง : 2014
ค่าสมัครสอบ
Normal Risk
- บัญชี 10,000 USD มีค่าใช้จ่าย 155 EUR
- บัญชี 25,000 USD มีค่าใช้จ่าย 250 EUR
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย 345 EUR
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 540 EUR
- บัญชี 200,000 USD มีค่าใช้จ่าย 1,080 EUR
Aggressive Risk
- บัญชี 10,000 USD มีค่าใช้จ่าย 250 EUR
- บัญชี 25,000 USD มีค่าใช้จ่าย 345 EUR
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย 540 EUR
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 1,080 EUR
ส่วนแบ่งผลกำไร
เทรดเดอร์ที่ทำสัญญากับบริษัทจะได้รับส่วนแบ่ง 80% สูงสุด 90% โดยมีเงินทุนสูงสุด 400,000 USD
คุณสมบัติ
- บัญชี Swing ไม่มีข้อจำกัดในการถือครองตำแหน่งในช่วงสุดสัปดาห์หรือในช่วงเปิดตัวเศรษฐกิจจุลภาค
- เพิ่มวงเงินคงเหลือในบัญชี 25% ทุก 4 เดือน แผนการปรับขนาดช่วยให้มั่นใจได้ถึงความสัมพันธ์ทางธุรกิจในระยะยาว
- อัตราส่วนแบ่ง 80:20 จะปรับเป็น 90:10 เมื่อวงเงินคงเหลือในบัญชี FTMO เพิ่มขึ้น
- แอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นสำหรับเทรดเดอร์ ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์มีระเบียบวินัย เพราะสามารถจดบันทึกผลการเทรด และวิเคราะห์ตลาดได้
- เลเวอเรจสูงสุด 1:100
- สเปรดต่ำ
- จ่ายค่าธรรมเนียมเพียงครั้งเดียว เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
- จ่ายผลตอบแทนเดือนละครั้ง
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุน FTMO
ข้อดี FTMO
- สามารถเข้าถึงเครื่องมือการซื้อขายได้ทั้ง MT4, MT5 และ cTrader
- เทรดเดอร์จะได้รับข้อมูลที่มาจากผู้ให้บริการสภาพคล่องเพื่อจำลองสภาวะตลาดจริง เพื่อทำเงินให้มากขึ้นเมื่อทำการซื้อขาย
- รองรับการซื้อขาย Forex, Cryptocurrency, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, หุ้น และพันธบัตร
- รองรับการชำระเงินผ่าน 7 ช่องทาง รวมทั้งการโอนเงินผ่านธนาคารและ Skrill
ข้อเสีย FTMO
- อัตราค่าสมัครสูง เมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่น ๆ
- ไม่สามารถถือออเดอร์ในช่วงปิดตลาดสุดสัปดาห์ได้ เว้นแต่คุณจะใช้ความท้าทายแบบ Swing Trade
* ในขณะนี้กองทุน MFF ในตอนนี้ได้ปิดให้บริการแล้ว สามารถเข้าไปดูสาเหตุในการปิดให้บริการได้ ที่นี่
ข้อมูลทั่วไป
เว็บไซต์ : myforexfunds.com
สำนักงานใหญ่ : Toronto, Ontario, Canada
ปีที่ก่อตั้ง : 2020
ปีที่ปิดตัว : 2023
ข้อมูลทั่วไป
เว็บไซต์ : thefundedtraderprogram.com
สำนักงานใหญ่ : Fort Lauderdale, Florida, USA
ปีที่ก่อตั้ง : 2021
ค่าสมัครสอบ
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย 289 USD
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 489 USD
- บัญชี 200,000 USD มีค่าใช้จ่าย 939 USD
- บัญชี 300,000 USD มีค่าใช้จ่าย 1,399 USD
- บัญชี 400,000 USD มีค่าใช้จ่าย 1,869 USD
ส่วนแบ่งผลกำไร
เทรดเดอร์ที่ทำสัญญากับบริษัทจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุด 90% โดยมีเงินทุนสูงสุด 1,500,000 USD
คุณสมบัติ
- ขนาดบัญชีสูงสุด 600,000 USD
- เลเวอเรจสูงสุด 1:200
- อนุญาตให้ซื้อขายด้วยข่าว
- อนุญาตให้ซื้อขายในวันหยุดสุดสัปดาห์และซื้อขายข้ามคืนได้
ข้อดี-ข้อเสียกองทุน TFT
ข้อดี TFT
- กฎการซื้อขายที่ผ่อนคลาย
- ดึงดูดผลประโยชน์ด้วยแผนการปรับขนาด ซึ่งช่วยให้นักเทรดมียอดเงินคงเหลือสูงสุดถึง 1,500,000 USD และส่วนแบ่งกำไรที่สูงสุดถึง 90%
- รองรับตราสารการซื้อขายมากมาย เช่น Forex, Cryptocurrency, ดัชนี เป็นต้น
ข้อเสีย TFT
- บริษัทยังเปิดได้ไม่นาน
- ฝ่ายสนับสนุนลูกค้ายังทำงานไม่ค่อยดี
ข้อมูลทั่วไป
เว็บไซต์ : the5ers.com
สำนักงานใหญ่ : Haroshet Street, Raanana, Israel
ปีที่ก่อตั้ง : 2016
ค่าสมัครสอบ
Bootcamp Program
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 95 USD
- บัญชี 250,000 USD มีค่าใช้จ่าย 225 USD
Instant Funding Program
- บัญชี 10,000 USD มีค่าใช้จ่าย 260 USD
- บัญชี 20,000 USD มีค่าใช้จ่าย 450 USD
- บัญชี 40,000 USD มีค่าใช้จ่าย 850 USD
High Stakes Program
- บัญชี 20,000 USD มีค่าใช้จ่าย 165 USD
- บัญชี 60,000 USD มีค่าใช้จ่าย 300 USD
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 495 USD
ส่วนแบ่งผลกำไร
เทรดเดอร์ที่ทำสัญญากับบริษัทจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุด 100% โดยมีเงินทุนสูงสุด 4,000,000 USD
คุณสมบัติ
- ห้องซื้อขายสดทุกวัน 4 ครั้ง/สัปดาห์
- สถิติประสิทธิภาพการซื้อขาย
- การสัมมนาผ่านเว็บฟรี
- การแจ้งเตือนการซื้อขายตามเวลาจริง
- การบริหารความเสี่ยงและแผนการซื้อขาย
- การฝึกสอนจากทีมที่มีประสิทธิภาพแบบ 1 ต่อ 1 ฟรี
- บล็อกคุณภาพสูง
- ไอเดียและกลยุทธ์การซื้อขาย
- Forex Scalping และ Supply/Demand Workshop
- ไม่มีขั้นต่ำในการจ่ายเงิน และสามารถรับเงินได้ทุกเมื่อ
- รองรับ MT5
- เพิ่มบัญชีเป็น 2 เท่าในทุก ๆ ขั้น จนถึง 4 ล้าน USD
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุนThe5%ers
ข้อดี The5%ers
- ทุนสูงถึง 4 ล้าน USD ไม่มีความเสี่ยงในการระดมทุน เงินทุนจะเพิ่มเป็นสองเท่าหลังจากแต่ละเหตุการณ์สำคัญ
- โปรแกรมฟรีสไตล์ ซึ่งให้เงินทุน 25,000 USD หรือ 50,000 USD และนักเทรดสามารถใช้ประโยชน์จากเงินทุนได้มากถึง 30 เท่า และถอนกำไรหลังจาก 50 ตำแหน่ง
- ไม่จำกัดเวลา ไม่มี Drawdown และผลกำไร 100% จะเป็นของคุณ
- แหล่งข้อมูลคุณภาพสูง
ข้อเสีย The5%ers
- เทรดเดอร์ไม่สามารถเริ่มเทรดได้ หากไม่ตกลงเงื่อนไขการระดมทุนของบริษัท
- สถานะจะเปิดขึ้นด้วยคำสั่ง SL เท่านั้น และเพดานของระดับความเสี่ยง คือ 2% ของยอดเงินปัจจุบันของเทรดเดอร์
- เทรดเดอร์สามารถมีบัญชีได้ไม่เกิน 3 บัญชี หากไม่ใช้งานเกิน 21 วัน บัญชีจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ
ข้อมูลทั่วไป
เว็บไซต์ : citytradersimperium.com
สำนักงานใหญ่ : City Road, London, United Kingdom
ปีที่ก่อตั้ง : 2018
ค่าสมัครสอบ
Challenge
- บัญชี 10,000 USD มีค่าใช้จ่าย 99 USD
- บัญชี 25,000 USD มีค่าใช้จ่าย 159 USD
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย 329 USD
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 509 USD
Instant Funding
- บัญชี 5,000 USD มีค่าใช้จ่าย 49 USD
- บัญชี 10,000 USD มีค่าใช้จ่าย 99 USD
- บัญชี 25,000 USD มีค่าใช้จ่าย 299 USD
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย 559 USD
- บัญชี 75,000 USD มีค่าใช้จ่าย 799 USD
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 949 USD
Direct Funding
- บัญชี 5,000 USD มีค่าใช้จ่าย 299 USD
- บัญชี 10,000 USD มีค่าใช้จ่าย 599 USD
- บัญชี 25,000 USD มีค่าใช้จ่าย 1,499 USD
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย 1,999 USD
- บัญชี 75,000 USD มีค่าใช้จ่าย 4,499 USD
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 5,999 USD
ส่วนแบ่งผลกำไร
เทรดเดอร์ที่ทำสัญญากับบริษัทจะได้รับส่วนแบ่ง 50-70% สูงสุด 100% โดยมีเงินทุนสูงสุด 4,000,000 USD
คุณสมบัติ
- นอกจากเงินทุนแล้ว บริษัทยังมีโปรแกรมให้คำปรึกษา การฝึกอบรม และเครื่องมือที่จำเป็น เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์ประสบความสำเร็จในการซื้อขายของพวกเขา
- บริษัทมีแผนการจัดหาเงินทุน 3 แผน ได้แก่ Evaluation, Portfolio Manager, และ Direct Funding โดยบัญชีจะได้รับการอัปเกรดให้มีวงเงินเงินทุนที่สูงขึ้นในแต่ละครั้งที่นักเทรดบรรลุเป้าหมายกำไร 10%
- รองรับการซื้อขายตราสารต่าง ๆ ทั้ง Forex, หุ้น, ทองคำ และดัชนี
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุน CTI
ข้อดี CTI
- ส่วนแบ่งสูงขึ้นเมื่อทำกำไรได้บรรลุเป้าหมาย
- เทรดเดอร์ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเป็นอย่างดี
- การประเมินที่ดีสำหรับ Swing Trader
ข้อเสีย CTI
- บริษัทยังเปิดได้ไม่นาน
- ไม่ค่อยเหมาะกับนักเก็งกำไร และ Day Trader
ข้อมูลทั่วไป
เว็บไซต์ : surgetrader.com
สำนักงานใหญ่ : South Naples, Florida
ปีที่ก่อตั้ง : 2008
ค่าสมัครสอบ
- บัญชี 25,000 USD มีค่าใช้จ่าย 250 USD
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย 400 USD
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 700 USD
- บัญชี 250,000 USD มีค่าใช้จ่าย 1,800 USD
- บัญชี 500,000 USD มีค่าใช้จ่าย 3,500 USD
- บัญชี 1,000,000 USD มีค่าใช้จ่าย 6,500 USD
ส่วนแบ่งผลกำไร
เทรดเดอร์ที่ทำสัญญากับบริษัทจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุด 75% โดยมีเงินทุนสูงสุด 1,000,000 USD
คุณสมบัติ
- ไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน
- ไม่มีกำหนดวันที่ต้องซื้อขายขั้นต่ำ ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณมีสิทธิ์ได้รับวงเงินเงินทุนที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
- เทรดด้วยกลยุทธ์ใด ๆ ก็ได้ที่เหมาะกับคุณ
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุน SurgeTrader
ข้อดี SurgeTrader
- ส่วนแบ่งกำไรสูงถึง 75%
- วงเงินซื้อขายสูงสุด 1 ล้าน USD
- ทดสอบเพียง 1 ขั้นตอน
- เป้าหมายกำไร 10% โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาเป้าหมาย
- ถอนเงินได้อย่างรวดเร็ว
ข้อเสีย SurgeTrader
- ไม่มีการเปิดตำแหน่งใด ๆ ในช่วงสุดสัปดาห์
- Drawdown ได้สูงสุดเพียง 5% และเปิดล็อตได้สูงสุด 1/10,000
- เลเวอเรจต่ำมากเพียง 1:10 ในสินทรัพย์ประเภท Forex, โลหะ, ดัชนี, น้ำมัน 1:5 สำหรับหุ้น และ 1:2 สำหรับคริปโต
ข้อมูลทั่วไป
เว็บไซต์ : fidelcrest.com
สำนักงานใหญ่ : Wood Street, London, United Kingdom
ปีที่ก่อตั้ง : 2018
ค่าสมัครสอบ
Pro Trader Normal
- บัญชี 150,000 USD มีค่าใช้จ่าย 649 EUR
- บัญชี 250,000 USD มีค่าใช้จ่าย 999 EUR
- บัญชี 500,000 USD มีค่าใช้จ่าย 1,799 EUR
- บัญชี 1,000,000 USD มีค่าใช้จ่าย 2,899 EUR
Pro Trader Aggressive
- บัญชี 150,000 USD มีค่าใช้จ่าย 999 EUR
- บัญชี 250,000 USD มีค่าใช้จ่าย 1,599 EUR
- บัญชี 500,000 USD มีค่าใช้จ่าย 2,899 EUR
ส่วนแบ่งผลกำไร
เทรดเดอร์ที่ทำสัญญากับบริษัทจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุด 90% โดยมีเงินทุนสูงสุด 1,000,000 USD
คุณสมบัติ
- รับค่าคอมมิชชั่นการสมัครตามผลงานระหว่างการยืนยัน ด้วยวิธีนี้ เทรดเดอร์สามารถเริ่มรับเงินจริงหลังจากผ่านไปอย่างน้อย 2 วันทำการซื้อขาย
- สามารถใช้กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Swing Trade ได้
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุน Fidelcrest
ข้อดี Fidelcrest
- เงินทุนสูงสุด 1 ล้าน USD
- ส่วนแบ่งกำไรสูงถึง 90%
- รับโบนัสสูงถึง 50% ของกำไรที่ได้รับในการทดสอบระดับ 2 อีกทั้ง ยังมีโบนัสอื่น ๆ อีก
- รองรับสินทรัพย์หลายรายการ ทั้ง CFDs, หุ้น, Forex และ Crypto
- ถอนเงินได้ผ่านธนาคาร PayPal และวิธีการอื่น ๆ
ข้อเสีย Fidelcrest
- บริษัทยังเปิดได้ไม่นาน
- ไม่สามารถใช้หุ่นยนต์เทรดได้
- การทดสอบในขั้นตอนที่ 2 ยากที่จะเอาชนะ เนื่องจากการขาดทุนสูงสุด คือ ครึ่งหนึ่งของขั้นตอนที่ 1 แต่เป้าหมายกำไรยังเท่าเดิม
- ไม่เหมาะสมกับผู้ที่ทำการเทรดด้วยกลยุทธ์ระยะยาว
- การสนับสนุนการเรียนรู้น้อย
ข้อมูลทั่วไป
เว็บไซต์ : fundednext.com
สำนักงานใหญ่ : Ajman, AE
ปีที่ก่อตั้ง : 2022
ค่าสมัครสอบ
Evaluation Plan
- บัญชี 15,000 USD มีค่าใช้จ่าย 99 USD
- บัญชี 25,000 USD มีค่าใช้จ่าย 199 USD
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย 299 USD
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 549 USD
- บัญชี 200,000 USD มีค่าใช้จ่าย 999 USD
Express Plan
1) Consistency
- บัญชี 15,000 USD มีค่าใช้จ่าย 99 USD
- บัญชี 25,000 USD มีค่าใช้จ่าย 199 USD
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย 299 USD
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 549 USD
- บัญชี 200,000 USD มีค่าใช้จ่าย 999 USD
2) Non-Consistency
- บัญชี 15,000 USD มีค่าใช้จ่าย 119 USD
- บัญชี 25,000 USD มีค่าใช้จ่าย 229 USD
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย 379 USD
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 699 USD
ส่วนแบ่งผลกำไร
เทรดเดอร์ที่ทำสัญญากับบริษัทจะได้รับส่วนแบ่ง 60-80% สูงสุด 90% โดยมีเงินทุนสูงสุด 4,000,000 USD
คุณสมบัติ
- แบ่งผลกำไร 15% ในขั้นตอนการประเมิน
- ผู้จัดการบัญชีเฉพาะที่ได้รับมอบหมาย
- เพิ่มขนาดเงินทุนได้สูงสุดถึง 4 ล้าน USD
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุน FundedNext
ข้อดี FundedNext
- เข้าได้กับทุกสไตล์การเทรด
- ค่าคอมมิชชั่นต่ำ
- เข้าถึงบัญชีภายในไม่กี่วินาที
- เลเวอเรจที่เป็นมิตรกับเทรดเดอร์
- การประเมินผลแบบไม่จำกัดเวลา
ข้อเสีย FundedNext
- บริษัทยังเปิดได้ไม่นาน
- ไม่มีตัวเลือกการเปิดตำแหน่งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์สำหรับรุ่น Express
ข้อมูลทั่วไป
เว็บไซต์ : www.topstep.com
สำนักงานใหญ่ : Chicago, Illinois
ปีที่ก่อตั้ง : 2010
ค่าสมัครสอบ
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย 165 USD / เดือน
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 325 USD / เดือน
- บัญชี 150,000 USD มีค่าใช้จ่าย 375 USD / เดือน
ส่วนแบ่งผลกำไร
เทรดเดอร์ที่ทำสัญญากับบริษัทจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุด 100% จนถึง 5,000 USD จากนั้นปรับเป็น 80% โดยมีเงินทุนสูงสุด 150,000 USD
คุณสมบัติ
- ทดลองใช้ฟรี 14 วัน
- การฝึกสอนแบบกลุ่มและแบบส่วนตัวจากโค้ชมืออาชีพ
- สนับสนุนเครื่องมือการซื้อขายและทรัพยากรระดับมืออาชีพ เพื่อรับรายได้ที่มากขึ้น
- แผนการปรับขนาดตามความสำเร็จในการซื้อขาย
- สามารถชำระค่าธรรมเนียมได้ผ่าน PayPal, Mastercard, Visa, American Express และ Discover
- แพลตฟอร์มการซื้อขายที่รองรับ ได้แก่ NinjaTrader, TradingView และ TSTrader เป็นต้น
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุน Topstep
ข้อดี Topstep
- เลเวอเรจสูงถึง 1:100
- มีโปรแกรม Referral
ข้อเสีย Topstep
- กำไรแบบแบ่งระดับ
- ฝ่ายสนับสนุนให้บริการเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์
ข้อมูลทั่วไป
เว็บไซต์ : luxtradingfirm.com
สำนักงานใหญ่ : Upper George Street, Luton, Bedfordshire, United Kingdom
ปีที่ก่อตั้ง : 2021
ค่าสมัครสอบ
- บัญชี 25,000 USD มีค่าใช้จ่าย 149 GBP
- บัญชี 50,000 USD มีค่าใช้จ่าย 299 GBP
- บัญชี 100,000 USD มีค่าใช้จ่าย 449 GBP
- บัญชี 200,000 USD มีค่าใช้จ่าย 599 GBP
ส่วนแบ่งผลกำไร
เทรดเดอร์ที่ทำสัญญากับบริษัทจะได้รับส่วนแบ่ง 75% โดยมีเงินทุนสูงสุด 10,000,000 USD
คุณสมบัติ
- สโมสรผู้ค้าชั้นนำช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จ
- ที่ปรึกษาส่วนตัว
- ห้องเทรดสด
- บริการวิเคราะห์การลงทุนอัตโนมัติและการวิจัยนักวิเคราะห์
- บริหารความเสี่ยงสำหรับเทรดเดอร์ชั้นนำ รับสไตล์การเทรดและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการใช้ Drawdown สูงสุด 4%, Stop Loss, Leverage, Lot size และความคาดหวังผลกำไรที่เป็นจริง
- สามารถซื้อขายได้ทั้ง Forex, Crypto และสินทรัพย์อื่น ๆ
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุน Lux Trading Firm
ข้อดี Lux Trading Firm
- ทดลองฟรี
- เงินทุนสูงถึง 10 ล้าน USD
- ไม่จำกัดเวลาสำหรับเป้าหมาย
- อนุญาตให้ถือออเดอร์ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
- ประเมินเพียง 1 ขั้นตอน
ข้อเสีย Lux Trading Firm
- เลเวอเรจต่ำ
- Drawdown และขีดจำกัดขาดทุนได้สูงสุด 4%
- บริษัทยังเปิดได้ไม่นาน
Q: กองทุน Forex ไหนดีสุด ?
► FTMO, MFF, TFT, The5%ers, CTI, SurgeTrader, Fidelcrest, FundedNext, Topstep และ Lux Trading Firm
Q: ทำไมต้องสอบกองทุน Forex ?
► เพื่อขอทุนในการเทรด หากมีกำไรก็สามารถเก็บรายได้จากค่าคอมมิชชั่นได้ครับ
Q: FTMO ประเทศอะไร ?
► กองทุน FTMO เป็นกองทุนสัญชาติยุโรป
________________________________________
สรุป แนะนำ “10 กองทุน Forex” ตัวช่วยเพิ่มโอกาส สร้างอาชีพ แก่เทรดเดอร์ Forex ทั่วโลก
โดยสรุป กองทุน Forex คือ การจัดหาเงินทุนในการเทรด โดยบริษัทต่าง ๆ จะทำหน้าที่ระดมทุนให้แก่เทรดเดอร์ ซึ่งการจะได้รับเงินทุนนั้น เทรดเดอร์จะต้องทดสอบเพื่อวัดระดับก่อนทำข้อตกลงกับบริษัท ซึ่งแต่ละโครงการจะมีส่วนแบ่งที่แตกต่างกันครับ
และทั้งหมดในข้างต้น คือ 10 กองทุน Forex ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ที่ทีมงานเราได้รวบรวมมาไว้เป็นทางเลือกให้แก่เทรดเดอร์ทุกท่านที่ต้องการทุนทรัพย์เพื่อเพิ่มกำลังเทรดของตนเอง หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านครับ
อย่างไรก็ดี อย่าลืมศึกษารายละเอียดในการสอบวัดระดับ แผนที่เลือก ส่วนแบ่งกำไร ไปจนถึงเงื่อนไขต่าง ๆ หลังเซ็นสัญญา เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของท่านอย่างสูงสุดด้วยนะครับ
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers