สอนเทรด Forex ตั้งแต่เริ่มต้น ต้องเริ่มอย่างไร ?

ปัจจุบันการเทรด Forex ถือเป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูง “ถ้าหาก” สามารถวิเคราะห์ทิศทางได้อย่างแม่นยำ ในบทความนี้ Thaiforexreview จะมาสอนเทรด Forex ตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ที่สนใจเข้ามาซื้อขายในตลาด Forex แต่ยังไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร ?
Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange เป็นการลงทุนในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศ แต่ในการเทรด Forex เทรดเดอร์จะเห็นว่า โบรกเกอร์มีการเทรดสินทรัพย์อื่น นอกเหนือจากสกุลเงินด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คือ การเทรด CFD (Contract For Difference) หรือก็คือ “สัญญาซื้อขายส่วนต่าง” ที่ไม่ได้เป็นการซื้อขายสินทรัพย์โดยตรง แต่จะเป็นการซื้อขายสัญญาส่วนต่าง เพื่อเก็งกำไรจากการเคลื่อนที่ของราคาเพียงเท่านั้น โดยการเทรด CFD นี้จะสามารถทำกำไรได้จากทั้งตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง คล้าย ๆ กับการซื้อขายสัญญา Futures นั่นเองครับ
ก่อนที่จะเริ่มต้นเทรด Forex เทรดเดอร์จำเป็นต้องเข้าใจคำศัพท์พื้นฐาน Forex ก่อน เพื่อให้เทรดเดอร์สามารถเริ่มต้นเทรดได้อย่างไร้กังวล โดยคำศัพท์พื้นฐานที่จะพาไปรู้จักกันในวันนี้ มีดังนี้
- Broker : บริษัทที่เป็นตัวกลางในการส่งคำสั่งซื้อ-ขายของเราไปยังตลาด Forex ทำให้เราสามารถเทรดได้
- Spread : คิดจากส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Ask) และราคาขาย (Bid)
- Pip/ Point : หน่วยที่ใช้วัดการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด Forex
- Leverage : เครื่องมือที่ช่วยเพิ่มกำลังซื้อ ทำให้เราสามารถเทรดด้วยเงินจำนวนที่มากกว่าเงินทุนจริง
- Lot : ขนาดของคำสั่งซื้อขาย หรือปริมาณของสัญญาที่เราทำการเทรดในแต่ละครั้ง
- Indicator : เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ที่ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มและความน่าจะเป็นของราคา
- กราฟแท่งเทียน : กราฟรูปแบบ "แท่งเทียน" ที่สามารถบอกข้อมูลราคาเปิด, ปิด, สูงสุด และต่ำสุด ในช่วงเวลาหนึ่ง ช่วยให้เห็นอารมณ์ของตลาด
- Trend : ทิศทางแนวโน้มโดยรวมของราคา ซึ่งมี 3 รูปแบบหลัก คือ ขาขึ้น (Uptrend), ขาลง (Downtrend) และไม่มีทิศทาง (Sideways)
- Take Profit (TP) : คำสั่งตั้งราคาเพื่อ "ปิดทำกำไร" โดยอัตโนมัติ เมื่อราคาเคลื่อนไปถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้
- Stop Loss (SL) : คำสั่งตั้งราคาเพื่อ "ตัดขาดทุน" โดยอัตโนมัติ เมื่อราคาเคลื่อนไหวผิดทางไปถึงจุดที่เรายอมรับการขาดทุนได้ เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่สำคัญที่สุด
คำศัพท์ดังกล่าว ถือเป็นคำศัพท์เบื้องต้นที่จำเป็นต้องรู้ก่อนเทรด Forex เพื่อให้สามารถทำการซื้อขายได้ แต่ถ้าหากต้องการเรียนรู้คำศัพท์ Forex มากกว่านี้ สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ในการวิเคราะห์ราคาเพื่อหาจุดเข้าทำกำไรในตลาด Forex นั้น จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้
1. การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) คือ การวิเคราะห์ราคาด้วยเทคนิคต่าง ๆ ที่จะไม่พึ่งพาข้อมูลเศรษฐกิจเลย โดยจะเป็นการนำทฤษฎีต่าง ๆ มาใช้ร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ว่า ราคามีแนวโน้มจะไปในทิศทางไหนต่อนั่นเองครับ ซึ่งการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะมีดังนี้
- แนวรับ-แนวต้าน
- สัญญาณจากแท่งเทียน
- สัญญาณจากอินดิเคเตอร์
- สัญญาณจากทฤษฎีอื่น ๆ
หากต้องการศึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพิ่มเติมสามารถอ่านได้ที่นี่
2. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) คือ การวิเคราะห์ราคาจากข้อมูลทางเศรษฐกิจหรือตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ เช่น ข่าวสงครามการค้า, การประกาศตัวเลข GDP หรือสงครามการสู้รบกันระหว่างประเทศ เป็นต้น
ข่าว Forex ที่ควรติดตาม
- อัตราเงินเฟ้อ (CPI)
- อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate)
- อัตราการเติบโตรวมของประเทศ (GDP)
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานได้ที่นี่
หากการวิเคราะห์หาจุดเข้าเปรียบเสมือน “ดาบ” ที่ใช้ฟาดฟันกำไร การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) และการบริหารเงินทุน (Money Management) ก็คือเปรียบได้กับ "โล่กำบัง" ที่ป้องกันไม่ให้คุณโดนล้างพอร์ตในตลาด Forex แห่งนี้ โดยเนื้อหาจะมีทั้งหมด 4 หัวข้อ ดังนี้
1. กฎ 1-2%
กฎ 1-2% คือ การจำกัดความเสี่ยงในการเทรดแต่ละครั้งไว้ที่ไม่เกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมด
-
ตัวอย่าง : ทุน $1,000 ควรเสี่ยงขาดทุนไม่เกิน $10 - $20 ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
-
ประโยชน์ : ช่วยให้พอร์ตทนทานต่อการขาดทุนติดต่อกันได้ และรักษาเงินทุนเพื่อรอโอกาสกลับมาทำกำไร
2. Stop Loss (SL)
Stop Loss คือ เครื่องมือป้องกันเงินทุนที่ต้องตั้งเอาไว้ทุกครั้งที่เทรด โดยควรตั้งตามหลักการทางเทคนิค (เช่น ใต้แนวรับหรือเหนือแนวต้าน) และต้องไม่เลื่อนหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุน (ยกเว้นการเลื่อนตามกำไรเพื่อลดความเสี่ยง)
3. Risk Reward Ratio (RRR)
Risk Reward Ratio คือ อัตราส่วนระหว่างความเสี่ยง (ระยะ Stop Loss) ต่อผลตอบแทนที่คาดหวัง (ระยะ Take Profit) โดยมืออาชีพมักมองหา RRR ตั้งแต่ 1:2 ขึ้นไป เพราะว่าอะไร?
-
พลังของ RRR : ช่วยเพิ่มโอกาสให้สามารถทำกำไรในระยะยาวได้แม้จะมี Win Rate (ความแม่นยำ) ไม่ถึง 50%
-
ตัวอย่าง (RRR 1:2) : เทรด 10 ครั้ง แพ้ 6 ครั้ง (ขาดทุน $60) แต่ชนะเพียง 4 ครั้ง (ได้กำไร $80) ผลลัพธ์สุทธิยังคงเป็นกำไร $20
4. การคำนวณ Lot Size
คือ การนำความรู้ทั้งหมดมาใช้เพื่อหาขนาดการเทรด (Lot Size) ที่เหมาะสม
-
สถานการณ์ : ทุน $1,000, เสี่ยง 1% ($10), Buy EUR/USD ที่ 1.0850 และตั้ง SL ที่ 1.0830 (ระยะเสี่ยง 20 Pips)
-
การคำนวณ : เพื่อให้ความเสี่ยง 20 Pips มีมูลค่าเท่ากับ $10 ขนาด Lot Size ที่ต้องใช้คือ 0.05 Lot
-
การปฏิบัติ : เปิดออเดอร์ Buy 0.05 Lot พร้อมตั้ง SL และ TP ทันที การทำเช่นนี้จะควบคุมการขาดทุนให้อยู่ในแผนเสมอ
เครื่องมือที่ดีจะไร้ความหมายหากสภาพจิตใจไม่พร้อม Mindset คือสิ่งที่ควบคุมการตัดสินใจภายใต้ความกดดัน และเป็นปัจจัยสำคัญที่แยกเทรดเดอร์ที่สำเร็จออกจากผู้ที่ล้มเหลว
1. การเทรดคือการลงทุน ไม่ใช่การพนัน
มือใหม่ส่วนมากเข้ามาในตลาดโดยหวังว่า จะสามารถทำกำไรจำนวนมหาศาลได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่จริง ๆ แล้วการเทรดก็เปรียบเสมือนการทำธุรกิจอย่างมีแบบแผนที่มีการควบคุมความเสี่ยงและวัดผลได้
2. ยอมรับการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด
ในการเทรด Forex ไม่มีใครที่สามารถชนะตลาด 100% ดังนั้น ให้ปรับเปลี่ยนมุมมองว่า การขาดทุนนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ให้นำข้อผิดพลาดเปลี่ยนเป็นบทเรียน และนำไปปรับปรุงการเทรดให้ดียิ่งขึ้น
3. โฟกัสที่ "กระบวนการ" ไม่ใช่ "ผลกำไร"
เข้าใจว่า หลาย ๆ คนที่เข้ามาในตลาด Forex เพื่อที่จะกอบโกยกำไรจากตลาดแห่งนี้ให้ได้มากและเร็วที่สุด หรืออาจเรียกได้ว่า พยายามที่จะรวยทางลัด แต่การที่จะสามารถอยู่รอดในตลาด Forex ในระยะยาวได้นั้น เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องเปลี่ยน Mindset จาก "เงิน" มาโฟกัสที่ "กระบวนการ" เพราะว่า การเทรด Forex ก็เหมือนกับการทำธุรกิจที่จะต้องมีกระบวนการต่าง ๆ และต้องใช้เวลากว่าธุรกิจจะเติบโตได้
4. เป็นเทรดเดอร์ต้องอดทน
การเทรด คือ การวิเคราะห์ 10% ที่เหลืออีก 90% คือ การอดทนรอจังหวะที่ดีที่สุดตามแผน ไม่ใช่การเทรดตลอดเวลาเพราะความเบื่อหรือกลัวตกรถ (FOMO)
5. เป็นนักเรียนของตลาดตลอดไป
ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พยายามฝึกฝนและเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอผ่านการทบทวนบันทึกการเทรด, อ่านหนังสือ, และอัปเดตข่าวสารอยู่ตลอดดเวลา เพื่อให้ทันสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
การเริ่มต้นทดลองเทรด Forex กับบัญชี Demo ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถฝึกฝนในสภาพแวดล้อมเหมือนตลาดจริง ใช้กราฟราคาและแพลตฟอร์มเทรดจริง แต่ด้วย "เงินจำลอง" ทำให้คุณสามารถเรียนรู้วิธีการส่งคำสั่งซื้อ-ขาย, ทำความเข้าใจกลไกตลาดที่ผันผวน และทดสอบกลยุทธ์ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเสี่ยงจริง
และเพื่อให้การฝึกฝนเกิดประโยชน์สูงสุด คุณต้องเทรดในบัญชี Demo "ให้เหมือนเงินจริง" นั่นคือ เริ่มต้นด้วยเงินทุนจำลองในจำนวนที่ใกล้เคียงกับที่คุณตั้งใจจะลงทุนจริง, สร้างแผนการเทรดที่ชัดเจน และมีวินัยในการจัดการความเสี่ยง เช่น การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ทุกครั้ง เป้าหมายไม่ใช่แค่การทำกำไร แต่คือการสร้างระบบเทรดที่ทำซ้ำได้และสร้างความมั่นใจ บัญชี Demo คือสนามซ้อมที่จะทำให้ก้าวแรกของคุณในตลาด Forex มั่นคงและปลอดภัยที่สุดนั่นเองครับ
การเลือกโบรกเกอร์ Forex นั้นถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กับหัวข้อที่ผ่าน ๆ มาเลยครับ เพราะว่า โบรกเกอร์ Forex แต่ละเจ้านั้น มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป บางโบรกเกอร์อาจจะเด่นด้านค่าธรรมเนียม บางโบรกเกอร์อาจจะเด่นด้านการเทรด ซึ่งอาจจะทำให้มือใหม่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกโบรกเกอร์ Forex ไหนดี ? โดยทางทีมงาน Thaiforexreview ได้ทำการรวบรวมหลักเกณฑ์ในการเลือกโบรกเกอร์ Forex มาไว้ให้แล้ว ดังนี้
- ใบอนุญาต : เลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้
- ค่าธรรมเนียม : เปรียบเทียบค่า Spread, Commission และ Swap เพราะเป็นต้นทุนที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรของคุณ
- การบริการลูกค้า : ควรมีทีมงาน Support ภาษาไทยที่พร้อมช่วยเหลือ เพื่อการสื่อสารที่รวดเร็วและแก้ปัญหาได้ตรงจุด
- ระบบเทรดและฝากถอน : เลือกระบบที่เสถียร ส่งคำสั่งได้รวดเร็ว และมีช่องทางฝาก-ถอนเงินที่สะดวก รวดเร็ว และไม่ซับซ้อน
- สิทธิประโยชน์ : สามารถนำโบนัสเงินฝากหรือโปรโมชั่นอื่น ๆ มาพิจารณาเป็นข้อได้เปรียบเพิ่มเติมในการตัดสินใจ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเลือกโบรกเกอร์ Forex ได้ที่นี่
บทความที่เกี่ยวข้องกับสอนเทรด Forex ตั้งแต่เริ่มต้น
- Risk Management พื้นฐานการบริหารความเสี่ยงที่เทรดเดอร์ Forex ทุกคนควรมี
- Money Management คืออะไร? และมีความสำคัญอย่างไร?
- ข่าว Forex ที่สำคัญมีอะไรบ้าง ? มีความสำคัญอย่างไรในการเทรด Forex
- เทคนิคการเทรด Forex พร้อมวิธีปั้นพอร์ตให้เติบโตในระยะยาว
📍ที่ไหนสอนเทรด Forex ฟรีบ้าง ?
Thaiforexreview สอนเทรด Forex ตั้งแต่เริ่มต้นฟรี พร้อมเนื้อหาที่ครบครัน เข้าไปอ่านความรู้ที่ต้องการได้ที่นี่
📍เทรด Forex ยังไงให้ได้ 1000 บาท ?
การเทรด Forex ให้ได้วันละ 1000 บาท (ประมาณ $30) สามารถทำได้ ถ้าหากเทรดเดอร์มีแผนการเทรดและการควบคุมความเสี่ยงที่ดี
📍การเทรดมีกี่ประเภท ?
สำหรับวิธีการเทรด Forex นั้นมีหลายวิธีด้วยกันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละบุคคล โดยนิยมแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ การเทรดระยะสั้น (Scalping) และการเทรดระยะยาว (Swing Trade)
📍ความเสี่ยงในการเทรด FOREX มีอะไรบ้าง ?
ตามธรรมชาติของตลาดการเงินนั้น ความผันผวนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งการขยับตัวของตลาดสามารถขยับได้ในทุกทิศทางโดยเฉพาะในทิศทางที่คุณไม่คาดคิด โดยมีปัจจัยต่าง ๆ เข้ามาหนุน เช่น นโยบายของธนาคารกลางทางการเงิน, ความมั่นคงของการเมือง, ความเชื่อมั่นของนักลงทุน และภัยพิบัติตามธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยทั้งหลายนี้ส่งผลกระทบต่อตลาด รวมทั้งเหล่าธนาคารขนาดใหญ่ที่มีผลทำให้ตลาดขยับในทิศทางที่ผันผวนมากขึ้น
จะเห็นได้ว่า การเริ่มต้นเทรด Forex นั้น คุณควรศึกษาความหมายของตลาด Forex ให้เข้าใจอย่างถี่ถ้วนและศึกษากลยุทธ์หรือวิธีการในการเทรดที่เหมาะสมกับตนเอง เพื่อให้คุณสามารถวิเคราะห์โอกาสในการเก็งกำไร รวมถึงประเมินความเสี่ยงว่า สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับไหน นอกจากนี้สำหรับนักเทรดมือใหม่ควรเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของตนเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดของคุณให้มีโอกาสมากยิ่งขึ้น
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers
แนะนำโบรกเกอร์สำหรับคุณ
