List of content

    Leverage คืออะไร ? ตัวอย่างการใช้ Leverage ที่ห้ามมองข้าม


    Leverage คืออะไร ? ตัวอย่างการใช้ Leverage ที่ห้ามมองข้าม

    หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า "Leverage" กันจนหนาหูแล้ว เครื่องมือตัวนี้ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากในตลาด Forex ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีอำนาจการซื้อขายมากขึ้น โดยที่เงินทุนของเรายังเท่าเดิมครับ แต่แน่นอนว่า มันก็สามารถทำให้เราขาดทุนมากขึ้นด้วยเช่นกัน วันนี้ทางทีมงาน ThaiForexReview จะพาทุกคน ไปรู้จักกับ Leverage ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถนำมาปรับใช้ในการเทรด และช่วยให้ทุกคน ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเลือกใช้ Leverage ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มกันเลยครับ

     

    leverage

    Leverage คืออะไร?

    Leverage คือ เงินยืมจากโบรกเกอร์บางส่วน เพื่อทำการเปิดออเดอร์สินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากกว่าเงินที่นักเทรดมีอยู่จริง เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าสู่การเทรดที่มีปริมาณมากกว่าจำนวนเงินจริงในการฝากเพื่อเทรดหลายเท่าตัว หรือจะเรียกง่าย ๆ ว่า Leverage เป็นเงินกู้ที่ทางโบรกเกอร์จัดหาให้กับเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ โดยเทรดเดอร์สามารถใช้ Leverage ได้ฟรีตลอดเวลา และที่สำคัญ คือ โบรกเกอร์จะให้ใช้ Leverage โดยไม่มีการคิดดอกเบี้ยจากจำนวนหนี้อีกด้วย

    การกำหนด Leverage

    Leverage เป็นทางเลือกที่โบรกเกอร์มอบให้สำหรับเทรดเดอร์ ช่วยให้เราสามารถส่งคำสั่งซื้อขายในปริมาณที่สูงขึ้นได้ ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์จะมีขีดจำกัดของ Leverage ที่แตกต่างกัน เริ่มจาก 1:1 ไปจนถึง 1:ไม่จำกัด ดังนั้น การกำหนด Leverage สูงหรือต่ำก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน โดย Leverage มีความสัมพันธ์กับ Lot Size ในการเทรด ดังนั้น การกำหนด Leverage ที่สูงขึ้นจะช่วยให้สามารถส่งคำสั่งซื้อขายใน Lot Size ที่ใหญ่ขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น

    เงินทุน $1,000, Leverage 1:100 > Lot สูงสุดที่เปิดได้ = 1.00 (100,000 Unit) 

    เงินทุน $1,000, Leverage 1:200 > Lot สูงสุดที่เปิดได้ = 2.00 (200,000 Unit) 

    เงินทุน $1,000, Leverage 1:500 > Lot สูงสุดที่เปิดได้ = 5.00 (500,000 Unit) 

    เทรดเดอร์จึงควรศึกษาให้เข้าใจก่อนเลือก Leverage ให้เหมาะกับการเทรดของตนเอง ดังนี้

    • การเลือกใช้ Leverage ต่ำ

    การเลือก Leverage ต่ำ จะทำให้เทรดเดอร์สามารถเปิดออเดอร์ได้มากขึ้นเล็กน้อย

    เช่น เทรดเดอร์มีเงินทุน $1,000 หากเลือก Leverage 1:100 เทรดเดอร์จะสามารถเปิดออเดอร์ได้สูงสุดเพียง 1 Lot และทุกการเคลื่อนที่ 1 Pip จะเป็นเงิน $10 ต่อ 1 Lot

    ดังนั้น แสดงว่า 1 Lot เคลื่อนที่ 1 Pip จะเป็นเงิน $10 ถ้าราคาเคลื่อนที่ไปผิดทาง 100 Pips เงินลงทุนจะเหลือ 0 ทันที แต่หากเคลื่อนที่ไปถูกทางก็จะมีกำไรแต่น้อยกว่าแบบใช้ Leverage สูง

    • การเลือกใช้ Leverage สูง

    การเลือก Leverage สูง จะทำให้เทรดเดอร์สามารถเปิดออเดอร์ได้มากขึ้น ซื้อขายได้มากยิ่งขึ้น

    เช่น เทรดเดอร์มีเงินทุน $1,000 หากเลือก Leverage 1:2,000 เทรดเดอร์จะสามารถเปิดออเดอร์ได้สูงสุดถึง 20 Lot และทุกการเคลื่อนที่ 1 Pip จะเป็นเงิน $10 ต่อ 1 Lot

    ดังนั้น แสดงว่า 20 Lot เคลื่อนที่ 1 Pip จะเป็นเงิน $200 ถ้าราคาเคลื่อนที่ไปผิดทางเพียง 5 Pips เงินลงทุนจะเหลือ 0 ทันที เรียกได้ว่า แค่กราฟแกว่งตัวก็สามารถพอร์ตแตกได้ แต่หากเคลื่อนที่ไปถูกทางก็จะมีกำไรอย่างมากเช่นกัน

    ตัวอย่างการใช้ Leverage

    Leverage 1:1 หมายความว่า เทรดเดอร์เทรดด้วยเงินทุนของตัวเองเท่านั้น อัตราส่วนระหว่างเงินฝากของเทรดเดอร์และจำนวนเงินที่เทรด นั่นคือถ้าเทรดเดอร์มีเงิน 100 ดอลลาร์ จะไม่สามารถเปิดคำสั่งที่มีปริมาณรวมมากกว่า 100 ดอลลาร์ได้

    Leverage 1:1,000 หมายความว่า เทรดเดอร์สามารถเปิดสถานะได้มากกว่า 1,000 เท่าของปริมาณเงินทุน หมายความว่า ถ้าคุณมี 100 ดอลลาร์ คุณสามารถเปิดสถานะ 100 ดอลลาร์ * 1,000 = 100,000 ดอลลาร์      

    ตัวอย่างที่ 1 Leverage 1:100 , เงินทุน $1,000

    หมายความว่า คุณสามารถเปิดออเดอร์โดยใช้ Lot Size ขนาดสูงสุดได้ที่ 1.00 โดยใน Lot ขนาด 1.00 นั้น หากราคาเคลื่อนที่ไป 1 Pip จะเท่ากับ $10 โดยเฉลี่ย 

    หากเราใช้ทุน $1,000 แล้วเทรดขนาด Lot สูงสุด 1.00 ถ้าขาดทุน 100 Pips ก็จะล้างพอร์ต ถ้ากำไร 100 Pips ก็จะกำไร $1,000

    ตัวอย่างที่ 2 Leverage 1:200 , เงินทุน $1,000

    หมายความว่า เราสามารถเปิดออเดอร์โดยใช้ Lot Size ขนาดสูงสุดได้ที่ 2.00 โดยใน Lot ขนาด 2.00 นั้น หากราคาเคลื่อนที่ไป 1 Pip จะเท่ากับ $20 โดยเฉลี่ย 

    หากเราใช้ทุน $1,000 แล้วเทรดขนาด Lot สูงสุด 2.00 ถ้าขาดทุน 50 Pips ก็จะล้างพอร์ต ถ้ากำไร 50 Pips ก็จะกำไร $1,000

    Leverage ไม่เกี่ยวกับมูลค่าของ Lot และ Pip ไม่ว่าคุณจะตั้งค่า Leverage เป็นจำนวนเท่าไหร่ การเปลี่ยนแปลงต่อ 1 Pip  (กำไร/ขาดทุน) ก็ยังคงเท่าเดิม การตั้งค่า Leverage ที่สูงขึ้น ช่วยให้เราสามารถเปิดออเดอร์ โดยใช้ Lot ที่สูงขึ้นได้ หรือก็คือสามารถเปิดออเดอร์ได้มากยิ่งขึ้น โดยใช้เงินทุนเท่าเดิม

    การจัดการความเสี่ยงในการใช้ Leverage

    การใช้ Leverage เพื่อทำกำไรจะทำให้ได้กำไรมากกว่าปกติ และแน่นอนว่า มันสามารถทำให้เกิดการขาดทุนอย่างหนักได้เช่นกัน ดังนั้น เทรดเดอร์ควรมีการพิจารณาการใช้ Leverage ให้เหมาะสมกับการเทรด รวมถึงรู้วิธีรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นด้วยวิธีการ ดังนี้

    1.เทรดเดอร์ที่ใช้ Leverage ควรเข้าใจเทคนิคการตั้ง Stop Loss เป็นอย่างดี เพราะหากราคาเคลื่อนที่ผิดทางที่คาดไว้ จะช่วยให้พอร์ตไม่แตก จากนั้นจึงดูแนวโน้มใหม่ก่อนทำการออกออเดอร์อีกครั้ง

    2.การใช้ Leverage ต้องบริหารเงินทุนให้ดี เพราะการบริหารความเสี่ยงและเงินทุน จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถอยู่รอดจากการเทรดในตลาด Forex ได้ในระยะยาว หากเทรดเดอร์บริหารเงินทุนไม่ดี และเลือกใช้ Leverage ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการล้างพอร์ต เพราะเงินทุนในพอร์ตไม่พอ ไม่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ได้นั่นเอง

    3.ใช้ Leverage ตามความเสี่ยงที่รับได้ การเทรดด้วยเงินทุนตัวเอง 100% เหมาะสำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการมีความเสี่ยงจากการใช้ Leverage แต่ข้อเสีย คือ ต้องใช้เงินจำนวนมาก ในการซื้อขาย ซึ่งสินทรัพย์ในตลาดฟอเร็กซ์มีขนาดการลงทุนที่ใหญ่มาก หากไม่ใช้ Leverage เลย ต้องใช้เงินทุนจำนวนมหาศาล แต่ต้องไม่ลืมว่า การใช้ Leverage สูงมากเกินไป ย่อมมีความเสี่ยงสูงตามไปด้วยครับ

    ข้อดี–ข้อเสียของ Leverage

    ข้อดี

    1.สามารถซื้อขายในตลาด Forex ที่มีปริมาณมากกว่าเงินทุนของเทรดเดอร์เอง

    2.สามารถใช้ได้ฟรี ตามเงื่อนไขของแต่ละโบรกเกอร์

    3.ช่วยเพิ่มกำไรในการเทรดในกรณีราคาเคลื่อนไหวถูกทางตามที่คาดไว้ หากเพิ่มปริมาณการเทรดเป็น 10 เท่า โดยใช้ leverage ก็จะเพิ่มผลกำไรของเป็น 10 เท่าเช่นกัน

    4.หากออกออเดอร์ปริมาณการเทรดที่เท่ากันสำหรับสินทรัพย์เดียวกัน และราคาเคลื่อนที่ผิดทาง การเทรดที่ไม่มี Leverage พอร์ตจะแตกเร็วกว่าการเทรดด้วย Leverage

    ข้อเสีย

    1.หากเทรดผิดทางไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ ก็ขาดทุนจำนวนมาก

    2.การเทรดโดยใช้ Leverage จำเป็นต้องควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะเสี่ยงต่อการขาดทุนง่าย

     

    จากบทความข้างต้นจะเห็นได้ว่า Leverage เป็นเหมือนดาบสองคม มันทำให้เราได้กำไรอย่างมหาศาล แต่ก็ทำให้เราพอร์ตแตกได้เช่นกัน เนื่องจากทำให้ความเสี่ยงในการเทรดสูงขึ้น (กรณีเปิดออเดอร์ในขนาดที่ใหญ่ขึ้น) ดังนั้น เราจำเป็นต้องวางแผนการบริหารความเสี่ยงในการเทรดอย่างรอบคอบ โดยทั่วไปนักลงทุนมืออาชีพส่วนใหญ่ตั้งค่าความเสี่ยงในการเทรดแต่ละครั้งเพียง 1-2% ของเงินทุนเท่านั้น สุดท้ายนี้ การลงทุนทุกรูปแบบล้วนมีความเสี่ยง อยากให้ทุกคนศึกษาพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์นั้นให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน และหากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม สามารถติดตามความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับการลงทุนได้ที่เว็บไซต์  ThaiForexReview ได้เลยครับ

    ______________________________

     

    สุดท้ายนี้ การลงทุนทุกรูปแบบล้วนมีความเสี่ยง อยากให้คุณศึกษาพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์นั้นให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน และหากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม สามารถติดตาม ThaiForexReview

    ติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดการลงทุนได้ที่ : News

    อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ : Blogs

    รีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยม : Top Brokers

     

    forex
    beginner

    แนะนำโบรกเกอร์สำหรับคุณ

    ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย

    Thaiforexreview.com จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ
    ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์โบรกเกอร์ Forex ข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน และการวิเคราะห์เป็นความคิดเห็น ของ Thaiforexreview.com ไม่มีการการันตีใด ๆ

    การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex มีความเสี่ยงสูง ก่อนตัดสินใจซื้อขาย Forex หรือใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เรามุ่งเน้นเพื่อเสนอข้อมูล ที่สำคัญเกี่ยวกับโบรกเกอร์ทั้งหมดที่เราตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด

    © Copyright Thaiforexreview 2023. All rights reserved