Bear Trap และ Bull Trap คืออะไร? กับดักราคาในตลาด Forex


Bear Trap และ Bull Trap คืออะไร กับดักราคาในตลาด Forex

ในการเทรด Forex หลายคนอาจรู้สึกว่าตลาดนี้เต็มไปด้วยความเสี่ยงและกับดักราคาที่ทำให้ตัดสินใจผิดพลาดจนขาดทุนได้ง่าย โดยกับดักเหล่านี้ เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะเรียกว่า Bear Trap (กับดักหมี) และ Bull Trap (กับดักกระทิง) ซึ่งจะมีลักษณะการเคลื่อนที่ของราคาที่จะทำให้เทรดเดอร์เข้าออเดอร์ผิดทาง แต่หากเทรดเดอร์เข้าใจลักษณะและวิธีการสังเกต Bear Trap และ Bull Trap เทรดเดอร์ก็จะสามารถที่จะลดความเสี่ยงและใช้ประโยชน์จากกับดักเหล่านี้เพื่อสร้างโอกาสในทำกำไรได้เช่นกัน โดยในบทความนี้ ทางทีมงาน Thaiforexreview จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Bear Trap และ Bull Trap แบบละเอียดครับ

 

Bear Trap คืออะไร?

Bear Trap หรือกับดักหมี คือ สถานการณ์ที่ราคาสินทรัพย์ทะลุผ่านแนวรับสำคัญ แต่กลับดีดตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำให้เทรดเดอร์ที่เปิดออเดอร์ Sell ตามสัญญาณหลอกมีโอกาสในการขาดทุน ซึ่งสาเหตุหลักมักเกิดจากเทรดเดอร์รายใหญ่ที่เข้ามากดราคาสินทรัพย์ให้ลงไปต่ำกว่าระดับแนวรับ เพื่อให้เทรดเดอร์รายย่อยเข้ามาเปิดออเดอร์ Sell ก่อนแล้วเทรดเดอร์รายใหญ่จึงกลับเข้ามาเปิดออเดอร์ Buy ใหม่อีกครั้ง ซึ่งส่งผลให้ราคาเกิดการปรับตัวขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม Bear Trap ไม่ได้เกิดจากเทรดเดอร์รายใหญ่เสมอไป แต่อาจเกิดจากความต้องการซื้อที่มากกว่าความต้องการขาย จนทำให้ราคาดีดตัวกลับสูงขึ้นได้เช่นกันครับ

Bear Trap มีลักษณะอย่างไร?

เทรดเดอร์สามารถสังเกต Bear Trap ได้จากลักษณะ ดังต่อไปนี้

  • ราคามีการทะลุแนวรับอยู่ระยะหนึ่ง แต่ไม่สามารถปรับตัวลงไปต่อได้
  • ปริมาณการซื้อขายลดลง เมื่อราคาหลุดแนวรับสำคัญ
  • สัญญาณจากอินดิเคเตอร์ เช่น RSI หรือ MACD จะแสดงสัญญาณการกลับตัว โดยที่ราคาสินทรัพย์ยังคงลดลง แต่ค่าอินดิเคเตอร์ไม่ลดลงตาม อีกทั้งยังเริ่มบ่งบอกถึงการกลับตัวขึ้นของราคาอีกด้วย

Bear Trap เหมาะกับการเทรดแบบใด?

Bear Trap เป็นกลยุทธ์การเทรดที่ใช้ประโยชน์จากราคาสินทรัพย์ที่หลุดแนวรับแล้วดีดตัวกลับขึ้นไป ซึ่งเหมาะกับการเทรดแบบรอจังหวะกลับตัว (Reversal) โดยเทรดเดอร์ควรสังเกตราคา, ปริมาณการซื้อขาย และสัญญาณจาก Indicators เช่น RSI หรือ MACD เพื่อยืนยันก่อนว่าราคากำลังกลับตัว จึงค่อยเปิดออเดอร์ Buy นอกจากนี้ เทรดเดอร์ควรตั้ง Stop Loss และติดตามข่าวสารของตลาดอยู่เสมอ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดทุนครับ

ตัวอย่างการเกิด Bear Trap


ตัวอย่างการเกิด Bear Trap

จากภาพกราฟ USD/JPY เทรดเดอร์จะเห็นได้ว่า ราคามีการหลุดเส้นแนวรับที่ 146.189 ลงไปชั่วคราว ทำให้เทรดเดอร์หลายคนเข้าใจผิดว่าแนวโน้มจะปรับตัวลงไปต่อ แต่ราคาลงไปทดสอบแนวรับแล้วไม่สามารถลงไปต่อได้และราคากลับดีดตัวขึ้นมา ซึ่งลักษณะนี้ถือว่าเป็นการเกิด Bear Trap

โดยทางทีมงาน Thaiforexreview ได้ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อช่วยยืนยันการเกิด Bear Trap ไม่ว่าจะเป็น RSI ที่แสดง Divergence เมื่อราคาทำ Lower Low แต่ค่า RSI กลับทำ Higher Low รวมถึงปริมาณการซื้อที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ราคากลับตัวขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณถึงแรงขายที่เริ่มลดลง ดังนั้น เมื่อเทรดเดอร์พบสัญญาณลักษณะนี้ เทรดเดอร์ควรระวังการเปิดออเดอร์ Sell และอาจพิจารณาการเปิดออเดอร์ Buy แทน เมื่อมีการยืนยันสัญญาณการกลับตัวครับ

 

Bull Trap คืออะไร?

Bull Trap หรือกับดักกระทิง คือ สถานการณ์ที่ราคาสินทรัพย์ทะลุผ่านแนวต้านสำคัญขึ้นไป แต่สุดท้ายกลับร่วงลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เทรดเดอร์ที่เปิดออเดอร์ Buy ตามสัญญาณหลอกมีโอกาสในการขาดทุน ซึ่งสาเหตุหลักมักเกิดจากเทรดเดอร์รายใหญ่ที่เข้ามากดดันราคาสินทรัพย์ให้หลุดแนวต้าน เพื่อให้เทรดเดอร์รายย่อยเข้ามาเปิดออเดอร์ Buy ก่อนแล้วเทรดเดอร์รายใหญ่จึงกลับเข้ามาเปิดออเดอร์ Sell ใหม่อีกครั้ง ส่งผลให้ราคาปรับตัวลงอย่างรุนแรงครับ

อย่างไรก็ตาม Bull Trap ไม่ได้เกิดจากเทรดเดอร์รายใหญ่เสมอไป แต่อาจเกิดจากความต้องการขายที่มากกว่าความต้องการซื้อ จนทำให้ราคาปรับตัวลดลงได้เช่นกันครับ

Bull Trap มีลักษณะอย่างไร?

เทรดเดอร์สามารถสังเกต Bull Trap ได้จากลักษณะ ดังต่อไปนี้

  • ราคาทะลุแนวต้านขึ้นไป แต่ไม่สามารถปรับตัวขึ้นไปต่อได้
  • ปริมาณการซื้อขายลดลง เมื่อราคาทะลุแนวต้านสำคัญ
  • สัญญาณจากอินดิเคเตอร์ เช่น RSI หรือ MACD จะแสดงสัญญาณการกลับตัว โดยที่ราคาสินทรัพย์ยังคงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ค่าอินดิเคเตอร์ไม่ปรับขึ้นตาม อีกทั้งยังเริ่มบ่งบอกถึงการกลับตัวลงของราคาอีกด้วย

Bull Trap เหมาะกับการเทรดแบบใด?

Bull Trap เป็นกลยุทธ์การเทรดที่ใช้ประโยชน์จากราคาสินทรัพย์ที่ทะลุแนวต้านขึ้นไป แล้วกลับตัวลงมา ซึ่งเหมาะกับการเทรดแบบรอจังหวะกลับตัว (Reversal) โดยเทรดเดอร์ควรสังเกตราคาและปริมาณการซื้อขาย รวมถึงสัญญาณจาก Indicators เช่น RSI, Stochastic หรือ MACD เพื่อยืนยันว่าราคากำลังกลับตัว แล้วจึงค่อยเปิดออเดอร์ Sell 

นอกจากนี้ เทรดเดอร์ควรหลีกเลี่ยงการเข้าออเดอร์ทันทีตามแนวรับแนวต้าน และควรตั้ง Stop Loss รวมถึงติดตามข่าวสารของตลาดอยู่เสมอเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดทุนครับ

ตัวอย่างการเกิด Bull Trap


ตัวอย่างการเกิด Bull Trap

จากภาพกราฟ USD/JPY เทรดเดอร์จะเห็นได้ว่า ราคามีการทะลุเส้นแนวต้านที่ 148.943 ขึ้นไปชั่วคราว ทำให้เทรดเดอร์หลายคนเข้าใจผิดว่าแนวโน้มจะขึ้นไปต่อ แต่ราคากลับไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านได้และเกิดการกลับตัวลงทันที ซึ่งลักษณะนี้ถือว่าเป็นการเกิด Bull Trap

โดยทางทีมงาน Thaiforexreview ได้ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อช่วยยืนยันการเกิด Bull Trap ไม่ว่าจะเป็น RSI ที่แสดง Divergence เมื่อราคาทำ Higher High แต่ค่า RSI กลับทำ Lower High รวมถึงปริมาณการซื้อที่ลดลงในขณะที่ราคาทำ High ใหม่ ซึ่งเป็นสัญญาณถึงแรงซื้อที่อ่อนแรงลง ดังนั้น เมื่อพบสัญญาณลักษณะนี้ เทรดเดอร์ควรระวังการเปิดออเดอร์ Buy และอาจพิจารณาการเปิดออเดอร์ Sell แทน เมื่อมีการยืนยันสัญญาณการกลับตัวครับ

 

ความแตกต่างระหว่าง Bear Trap กับ Bull Trap

Bear Trap และ Bull Trap เป็นรูปแบบสัญญาณหลอกที่คล้ายกัน ซึ่งอาจทำให้เทรดเดอร์เข้าใจผิดว่า ราคาจะมีการปรับตัวขึ้นหรือลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพียงแค่กับดักที่จะทำให้เทรดเดอร์เทรดผิดทางครับ

Bear Trap VS Bull Trap
ราคาหลุดแนวรับชั่วคราว แต่ดีดตัวกลับขึ้นมาในภายหลัง ตำแหน่งการเกิดสัญญาณ ราคาทะลุแนวต้านชั่วคราว แต่ร่วงลงไปในภายหลัง
เทรดเดอร์คิดว่าตลาดมีแนวโน้มเป็นขาลงอย่างต่อเนื่อง จึงทำการเปิดออเดอร์ Sell
สัญญาณหลอกที่เกิดขึ้น
เทรดเดอร์คิดว่าตลาดมีแนวโน้มเป็นขาลงอย่างต่อเนื่อง จึงทำการเปิดออเดอร์ Buy
RSI, MACD และ Stochastic อินดิเคเตอร์ที่ช่วยยืนยันสัญญาณ RSI, MACD และ Stochastic
ปริมาณซื้อ (Buy) มักจะเพิ่มขึ้นตอนราคาลง ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ปริมาณขาย (Sell) มักจะเพิ่มขึ้นตอนราคาขึ้น
รอสัญญาณการกลับตัวเพื่อเปิดออเดอร์ Buy กลยุทธ์ที่เหมาะสม รอสัญญาณการกลับตัวเพื่อเปิดออเดอร์ Sell

 

ข้อควรระวังในการเทรดช่วง Bear Trap และ Bull Trap

ในตลาด Forex ที่มีความผันผวนสูง เทรดเดอร์ควรระวังการเทรดในช่วง Bear Trap และ Bull Trap เพราะราคาในตลาดจะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและอาจทำให้ขาดทุนหรือโดนล้างพอร์ตได้ ดังนั้น ก่อนเข้าเทรดควรวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบและตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ทุกครั้ง รวมถึงควรควบคุมขนาด Lot ให้เหมาะสมก่อนเข้าเทรด นอกจากนี้ เทรดเดอร์ควรยืนยันสัญญาณของ Bear Trap และ Bull Trap ด้วยสัญญาณและเครื่องมือทางเทคนิค เช่น สัญญาณ Divergence, Volume หรืออินดิเคเตอร์อย่าง RSI, MACD และ Stochastic โดยเฉพาะในช่วงตลาด Sideways หรือก่อนมีข่าวสำคัญ ซึ่งการรอสัญญาณกลับตัวยืนยันก่อนเปิด Buy หรือ Sell จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้นครับ

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Bear Trap และ Bull Trap

Bear Trap คืออะไร?

🔎 Bear Trap คือ กับดักราคาที่ทำให้เทรดเดอร์คิดว่าราคาสินทรัพย์จะเคลื่อนที่ลงอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาสินทรัพย์กลับปรับตัวขึ้น

Bull Trap คืออะไร?

🔎 Bull Trap คือ กับดักราคาที่ทำให้เทรดเดอร์คิดว่าราคาสินทรัพย์จะเคลื่อนที่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาสินทรัพย์กลับปรับตัวลง

Bear Trap กับ Bull Trap แตกต่างกันอย่างไร?

🔎 Bear Trap เป็นสัญญาณที่เป็นกับดักให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Sell ส่วน Bull Trap เป็นสัญญาณที่เป็นกับดักให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Buy

บทความที่เกี่ยวข้องกับ Bear Trap และ Bull Trap

 

สรุปเกี่ยวกับ Bear Trap และ Bull Trap

Bear Trap และ Bull Trap สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งจากการเคลื่อนไหวของเทรดเดอร์รายใหญ่และความต้องการซื้อหรือความต้องการขายของเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ในตลาด โดย Bear Trap และ Bull Trap มักจะเป็นสัญญาณหลอกให้เทรดเดอร์คิดว่า ราคาจะขึ้นหรือลงอย่างต่อเนื่อง จนอาจทำให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ผิดทิศทาง แต่หากต้องการเทรดช่วง Bear Trap หรือ Bull Trap เทรดเดอร์ควรวางแผนอย่างรอบคอบและตั้ง Stop Loss เพื่อลดความเสี่ยงที่จะโดนล้างพอร์ตครับ

นอกจากนี้ เทรดเดอร์ควรใช้เครื่องมือทางเทคนิคร่วมด้วยเพื่อตรวจสอบสัญญาณ รวมถึงศึกษากลยุทธ์การเทรดและติดตามข่าวเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดและลดความเสี่ยงในการลงทุนครับ

 


⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม

สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com

ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview

ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis

อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs

อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers

 

forex

แนะนำโบรกเกอร์สำหรับคุณ

tfn
ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย

Thaiforexreview.com จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ
ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์โบรกเกอร์ Forex ข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน และการวิเคราะห์เป็นความคิดเห็น ของ Thaiforexreview.com ไม่มีการการันตีใด ๆ

การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex มีความเสี่ยงสูง ก่อนตัดสินใจซื้อขาย Forex หรือใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เรามุ่งเน้นเพื่อเสนอข้อมูล ที่สำคัญเกี่ยวกับโบรกเกอร์ทั้งหมดที่เราตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด

ความรู้ Forex

Forex

Gold

Beginner

Investing

ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย

Thaiforexreview.com จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ
ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์โบรกเกอร์ Forex ข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน และการวิเคราะห์เป็นความคิดเห็น ของ Thaiforexreview.com ไม่มีการการันตีใด ๆ

การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex มีความเสี่ยงสูง ก่อนตัดสินใจซื้อขาย Forex หรือใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เรามุ่งเน้นเพื่อเสนอข้อมูล ที่สำคัญเกี่ยวกับโบรกเกอร์ทั้งหมดที่เราตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด

© Copyright Thaiforexreview 2023. All rights reserved