เจาะลึก! การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Forex ที่เทรดเดอร์ต้องรู้


จาะลึก! การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Forex ที่เทรดเดอร์ต้องรู้

เคยสงสัยไหมว่าทำไมกราฟคู่เงินถึงพุ่งขึ้นหรือดิ่งลงอย่างรุนแรงภายในไม่กี่นาทีหลังการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ? อะไรคือแรงขับเคลื่อนที่แท้จริงที่ทำให้สกุลเงินหนึ่งแข็งค่าขึ้นหรืออ่อนค่าลงต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน ? คำตอบของคำถามเหล่านี้ซ่อนอยู่ในศาสตร์ที่เรียกว่า "การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน" (Fundamental Analysis)

สำหรับเทรดเดอร์ในตลาด Forex การเข้าใจเรื่องนี้เปรียบเสมือนการมีแผนที่นำทางชั้นดี ที่ช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของตลาดและตัดสินใจเทรดได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานอย่างละเอียดครับ

 

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Forex คืออะไร ?

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Forex คืออะไร

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Forex คือ การวิเคราะห์เพื่อหาแนวโน้มของราคา โดยพิจารณาจากปัจจัยรอบด้าน ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ, สังคม และนโยบายทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อประเทศเจ้าของสกุลเงินนั้น

หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ มันก็เหมือนกับการตรวจสุขภาพของประเทศ ถ้าผลตรวจออกมาว่าเศรษฐกิจแข็งแกร่ง, มีเสถียรภาพ, และเติบโตได้ดี ค่าเงินของประเทศนั้นก็มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นตามไปด้วย ในทางตรงกันข้าม หากเศรษฐกิจอ่อนแอหรือมีความไม่แน่นอนสูง ค่าเงินก็มักจะอ่อนค่าลง การวิเคราะห์นี้ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจ "เหตุผล" ที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของราคา แทนที่จะดูแค่กราฟเพียงอย่างเดียวนั่นเองครับ

 

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Forex ขับเคลื่อนด้วยอะไรบ้าง ?

ปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อค่าเงินนั้นมาจากหลายแหล่งข้อมูล ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะสะท้อนถึงภาพรวมสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเราสามารถแบ่งออกเป็นหมวดหมู่หลัก ๆ ได้ดังนี้

 

1. นโยบายการเงินของธนาคารกลาง

นี่คือปัจจัยที่ทรงอิทธิพลที่สุดในการกำหนดทิศทางของสกุลเงินในระยะกลางถึงยาว ธนาคารกลางของแต่ละประเทศ (เช่น FED ของสหรัฐฯ, ECB ของยูโรโซน หรือ BOJ ของญี่ปุ่น) มีเครื่องมือในการควบคุมเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อค่าเงิน

  • อัตราดอกเบี้ย (Interest Rates) 

อัตราดอกเบี้ย ถือเป็น นโยบายสำคัญของปัจจัยพื้นฐาน โดยหลักการของอัตราดอกเบี้ย คือ ประเทศที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าจะดึงดูดเงินทุนจากต่างชาติที่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่า เมื่อมีความต้องการซื้อสกุลเงินนั้นมากขึ้น สกุลเงินก็จะแข็งค่าขึ้น ในทางกลับกัน การลดอัตราดอกเบี้ยมักจะทำให้สกุลเงินอ่อนค่าลง โดยปกติแล้วการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะใช้ในเฉพาะช่วงที่ประเทศเกิดอัตราเงินเฟ้อที่มากเกินไป ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยถือเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับวิกฤติเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี แต่ในทางกลับกัน การคงอัตราดอกเบี้ยระดับสูงเกินในระยะเวลานานเกินไป ก็อาจจะส่งผลเสียต่อธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศได้เช่นเดียวกันครับ

  • นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และนโยบายตึงตัว (QT)

QE คือ การที่ธนาคารกลางอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ  ซึ่งมักทำให้สกุลเงินอ่อนค่าลง และอาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ส่วน QT คือ การดึงเงินออกจากระบบ ทำให้สกุลเงินมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดภาวะเงินฝืดได้เช่นกัน

 

2. ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ (Economic Indicators)

ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ คือ รายงานผลประกอบการของเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ ที่ประกาศออกมาเป็นประจำ เทรดเดอร์ทั่วโลกต่างจับตามองตัวเลขเหล่านี้อย่างใกล้ชิดผ่าน "ปฏิทินเศรษฐกิจ" (Economic Calendar)

หมวดหมู่

ตัวชี้วัดสำคัญ

ความหมายและผลกระทบ

การเติบโต

GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ)

ภาพรวมการเติบโตทางเศรษฐกิจ (ตัวเลขสูง = ดีต่อค่าเงิน)

Retail Sales (ยอดค้าปลีก)

การใช้จ่ายของผู้บริโภค (ตัวเลขสูง = ดีต่อค่าเงิน)

เงินเฟ้อ

CPI (ดัชนีราคาผู้บริโภค)

การเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการ (ตัวเลขสูง = กดดันให้ธ.กลางขึ้นดอกเบี้ย = ดีต่อค่าเงิน)

PPI (ดัชนีราคาผู้ผลิต)

การเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าจากฝั่งผู้ผลิต (ตัวเลขสูง = ดีต่อค่าเงิน)

PMI (ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ)

สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจในภาคการผลิตและภาคบริการ (ตัวเลขสูง = ดีต่อค่าเงิน)

การจ้างงาน

Non-Farm Payrolls (NFP) ของสหรัฐฯ

ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขการจ้างงานที่สำคัญที่สุดในสหรัฐฯ (ตัวเลขสูง = ดีต่อค่าเงิน USD)

Unemployment Rate (อัตราการว่างงาน)

สัดส่วนคนว่างงาน (ตัวเลขต่ำ = ดีต่อค่าเงิน)

ความเชื่อมั่นผู้บริโภค

Consumer Confidence Index

ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ (ตัวเลขสูง = ดีต่อค่าเงิน)

 

3. ปัจจัยทางการเมืองและเสถียรภาพ

ความมั่นคงทางการเมืองเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น การเลือกตั้ง, ความไม่สงบทางการเมือง, การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือสงครามการค้า ล้วนสร้างความไม่แน่นอนและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งมักจะนำไปสู่การอ่อนค่าของสกุลเงินได้

4. ภัยพิบัติทางธรรมชาติและเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

แผ่นดินไหว, สึนามิ หรือโรคระบาด เป็นตัวอย่างของเหตุการณ์ที่สามารถทำลายโครงสร้างพื้นฐานและหยุดชะงักกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลลบโดยตรงต่อค่าเงินของประเทศที่ได้รับผลกระทบ

 

เครื่องมือและแหล่งข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

ในปัจจุบันนี้ เครื่องมือและแหล่งข้อมูลในการติดตามข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ มีอยู่หลายช่องทาง ได้แก่

  • ปฏิทินเศรษฐกิจ (Economic Calendar) : นี่คือเครื่องมือที่สำคัญที่สุดสำหรับเทรดเดอร์สายปัจจัยพื้นฐาน คุณสามารถหาดูได้จากเว็บไซต์การเงินชั้นนำ เช่น Forex Factory, Myfxbook หรือ Investing.com เป็นต้น

  • สำนักข่าวการเงิน : ติดตามข่าวสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น Reuters หรือ Bloomberg เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์โลก

  • เว็บไซต์ของธนาคารกลาง : เป็นแหล่งข้อมูลโดยตรงเกี่ยวกับแถลงการณ์และทิศทางนโยบายการเงิน เช่น BOT (Bank of Thailand) หรือ Federal Reserve (FED) เป็นต้น

เครื่องมือและแหล่งข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

วิธีอ่านปฏิทินเศรษฐกิจเบื้องต้น

ในนปฏิทินเศรษฐกิจ (Economic Calendar) จะประกอบด้วย เวลาประกาศ, ระดับความสำคัญ (Impact), ตัวเลขคาดการณ์ (Forecast), ตัวเลขครั้งก่อน (Previous) และตัวเลขจริง (Actual) หัวใจสำคัญ คือ การเปรียบเทียบตัวเลข "Actual" กับ "Forecast" หากตัวเลขจริงออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ (Actual > Forecast) ก็มักจะส่งผลดีต่อสกุลเงินนั้นๆ และในทางกลับกัน หากตัวเลขจริงออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ (Actual < Forecast) ก็มักจะส่งผลลบต่อสกุลเงินนั้น ๆ เช่นกัน

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานปฏิทินเศรษฐกิจ

กลยุทธ์การเทรด Forex โดยใช้ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

เมื่อเข้าใจปัจจัยต่างๆ แล้ว เราจะนำมาสร้างเป็นกลยุทธ์ได้อย่างไร ?

1. การเทรดชนข่าว (News Trading)

การเทรดชนข่าว คือ การเข้าเทรดในช่วงเวลาที่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยอาศัยความผันผวนสูงที่เกิดขึ้นในตลาด

  • ข้อดี : มีโอกาสทำกำไรได้มากในระยะเวลาสั้น ๆ

  • ข้อควรระวัง : เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากตลาดมีความผันผวนรุนแรงในช่วงที่ประกาศข่าว 

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทรดชนข่าว

2. การวิเคราะห์แนวโน้มระยะยาว

การใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อมองหาแนวโน้มเศรษฐกิจหลักของประเทศ แล้วทำการถือออเดอร์เป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ หลายเดือน หรือแม้กระทั่งเป็นปี เพื่อทำกำไรจากแนวโน้มดังกล่าว

  • ตัวอย่างเช่น : หากคุณวิเคราะห์แล้วว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ในขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำ คุณอาจพิจารณาเข้าสถานะซื้อ (Long) ในคู่เงิน USD/JPY เพื่อเก็งกำไรจากแนวโน้มใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยปัจจัยพื้นฐาน

3. การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเงิน (Currency Correlation)

คือการทำความเข้าใจว่าเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ เชื่อมโยงกัน เช่น เศรษฐกิจแคนาดา (CAD) มักจะเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันและเศรษฐกิจสหรัฐฯ หรือเศรษฐกิจออสเตรเลีย (AUD) มักจะได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจของจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด เป็นต้น

 

ข้อดีและข้อจำกัดของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

 

ข้อดี

ข้อจำกัด

✅ ช่วยให้เข้าใจ "ทำไม" ราคาถึงเคลื่อนไหว

❌ ไม่สามารถบอกจุดเข้า-ออกที่แม่นยำได้

✅ เหมาะสำหรับการคาดการณ์แนวโน้มระยะกลาง-ยาว

❌ บางครั้งตลาดก็เคลื่อนไหวสวนทางกับข่าว

✅ สร้างความเข้าใจในภาพรวมของตลาดอย่างลึกซึ้ง

❌ ต้องใช้เวลาในการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก

✅ ช่วยหลีกเลี่ยงการเทรดสวนแนวโน้มใหญ่

❌ บางครั้งราคาอาจรับกระแสจากข่าวไปก่อนแล้ว ส่งผลให้เมื่อข่าวออกมา ราคาก็ไม่ได้ปรับตัวขึ้นหรือลง (Priced-in)

 

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคแบบไหนดีกว่ากัน ?

คำถามสำคัญคือ "แล้วแบบไหนดีกว่ากัน?" คำตอบคือ ไม่มีแบบไหนดีกว่า แต่ควรใช้ทั้งสองอย่างร่วมกัน เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ในโลกต่างใช้การวิเคราะห์ทั้งสองรูปแบบเพื่อยืนยันซึ่งกันและกัน

"ใช้ปัจจัยพื้นฐานเพื่อหา 'ทิศทาง' ที่จะเทรด และใช้ปัจจัยเทคนิคเพื่อหา 'จังหวะ' ที่จะเข้าเทรด"

  • ตัวอย่าง : การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน บอกคุณว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่งและค่าเงิน USD มีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้น (คุณจึงตัดสินใจที่จะมองหาโอกาส "ซื้อ" USD) จากนั้นคุณก็ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยการวิเคราะ์หาจุดเข้าจากกราฟราคา เพื่อมองหาจุดเข้าที่ได้เปรียบ เช่น รอให้ราคาย่อตัวลงมาที่แนวรับสำคัญ หรือเกิดสัญญาณซื้อจาก Indicator แล้วจึงค่อยเข้าเปิดออเดอร์ เป็นต้น

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

สรุการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ไม่ใช่แค่การไล่ตามตัวเลขเศรษฐกิจ แต่คือ การทำความเข้าใจเรื่องราวเบื้องหลังการเคลื่อนไหวของราคา เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่ช่วยให้คุณมองเห็นภาพใหญ่ แยกแยะระหว่างความผันผวนระยะสั้นกับแนวโน้มที่แท้จริง และตัดสินใจเทรดโดยมี "เหตุผล" รองรับ 

อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้คุณสามารถหาจุดเข้าทำกำไรได้อย่างแม่นยำ แต่ถ้าหากนำการวิเคราะห์ทางเทคนิคเข้ามาใช้ร่วมด้วย ก็จะช่วยให้คุณสามารถหาจุดเข้าทำกำไรได้แม่นยำมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ

อ้างอิง : Traderbobo และ Infinox


⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม

สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com

ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview

ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis

อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs

อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers

forex

แนะนำโบรกเกอร์สำหรับคุณ

tfn
ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย

Thaiforexreview.com จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ
ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์โบรกเกอร์ Forex ข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน และการวิเคราะห์เป็นความคิดเห็น ของ Thaiforexreview.com ไม่มีการการันตีใด ๆ

การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex มีความเสี่ยงสูง ก่อนตัดสินใจซื้อขาย Forex หรือใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เรามุ่งเน้นเพื่อเสนอข้อมูล ที่สำคัญเกี่ยวกับโบรกเกอร์ทั้งหมดที่เราตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด

ความรู้ Forex

Forex

Gold

Beginner

Investing

ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย

Thaiforexreview.com จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ
ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์โบรกเกอร์ Forex ข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน และการวิเคราะห์เป็นความคิดเห็น ของ Thaiforexreview.com ไม่มีการการันตีใด ๆ

การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex มีความเสี่ยงสูง ก่อนตัดสินใจซื้อขาย Forex หรือใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เรามุ่งเน้นเพื่อเสนอข้อมูล ที่สำคัญเกี่ยวกับโบรกเกอร์ทั้งหมดที่เราตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด

© Copyright Thaiforexreview 2023. All rights reserved