List of content
Breakout คืออะไร? เทคนิคสังเกตที่ช่วยให้คุณไม่พลาดจังหวะทอง

ในการเทรด Forex เทรดเดอร์มักจะเคยได้ยินคำว่า Breakout อยู่บ่อยครั้ง ซึ่ง Breakout เป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา โดยในบทความนี้ทาง Thaiforexreview จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า Breakout คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร? และมีข้อควรระวังที่ต้องรู้ก่อนนำไปใช้ในการเทรด
Breakout คือ การที่ราคาเคลื่อนไหวทะลุแนวรับหรือแนวต้านสำคัญ ซึ่งแนวรับแนวต้านสำคัญมักเป็นระดับของราคาที่เคยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบหรือหยุดนิ่งอยู่ช่วงหนึ่ง โดยการทะลุระดับราคานี้มักเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม ซึ่งเทรดเดอร์สามารถใช้เป็นโอกาสในการเข้าเทรดเพื่อทำกำไรได้ครับ
หากแบ่งประเภทตามแนวโน้มของราคา Breakout สามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท ดังนี้
- Breakout ขาขึ้น (Upside Breakout) เมื่อราคาทะลุแนวต้านขึ้นไป ซึ่งมักเป็นสัญญาณแนวโน้มขาขึ้น
- Breakout ขาลง (Downside Breakout) เมื่อราคาทะลุแนวรับลงไป ซึ่งมักเป็นสัญญาณแนวโน้มขาลง
- Breakout หลอก (False Breakout) เมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านเพียงชั่วคราวแล้วกลับตัวเข้าสู่กรอบเดิม
False Breakout คือ การที่ราคาเคลื่อนไหวทะลุแนวรับหรือแนวต้าน แต่ไม่สามารถยืนอยู่เหนือหรือใต้ระดับราคานั้นได้และราคากลับตัวกลับเข้ามาเคลื่อนไหวในกรอบเดิมอีกครั้ง ซึ่งการ False Breakout นี้จะทำให้เทรดเดอร์ที่เปิดออเดอร์ตามสัญญาณ Breakout ขาดทุน เพราะราคาไม่เป็นไปตามแนวโน้มอย่างที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ False Breakout ยังอาจทำให้คำสั่ง Stop Loss ขายอัตโนมัติก่อนเวลาที่ควร ทั้งที่เป็นเพียงสัญญาณหลอก จึงอาจทำให้เทรดเดอร์เสียโอกาสในการทำกำไรได้ครับ
ตัวอย่างของ False Breakout
สัญญาณของ Breakout จะเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุเส้นแนวรับหรือแนวต้านสำคัญที่เทรดเดอร์ตั้งไว้ โดยสามารถใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น Moving Average (MA) หรือ RSI ช่วยตั้งเส้นแนวรับแนวต้าน เพื่อยืนยันแนวโน้มของราคาก่อนตัดสินใจเปิดออเดอร์
Moving Average (MA)
Moving Average (MA) เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้ค่าเฉลี่ยของราคาย้อนหลังเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของราคาสินทรัพย์และยังสามารถใช้เป็นแนวรับหรือแนวต้านได้ นอกจากนี้เส้นค่าเฉลี่ย (MA) ยังช่วยยืนยันแนวโน้มและบอกถึงสัญญาณการเกิด Breakout ได้เมื่อราคาทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวครับ
RSI (Relative Strength Index)
RSI (Relative Strength Index) เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้ในการดูแรงซื้อขายของสินทรัพย์ในตลาด โดยสามารถบอกจุดกลับตัวและช่วยยืนยันสัญญาณ Breakout ได้จากการที่ราคาอยู่ในโซน Overbought และ Oversold
อย่างไรก็ตาม การใช้ RSI ควรใช้ร่วมกับสัญญาณทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น แนวรับแนวต้านหรือปริมาณการซื้อขาย เพื่อยืนยันสัญญาณและหลีกเลี่ยงสัญญาณหลอกครับ
รูปแบบกราฟบางประเภทสามารถช่วยบอกได้ว่าอาจมีการ Breakout เกิดขึ้นได้ ซึ่งมีรูปแบบกราฟหนึ่งที่สามารถบอกการ Breakout คือ กราฟสามเหลี่ยม (Triangle Pattern) โดยเกิดจากการที่ราคาค่อย ๆ เคลื่อนไหวแคบลงเรื่อย ๆ จากปริมาณซื้อขายที่สมดุลกันชั่วคราว ก่อนที่ราคาจะทะลุออกไปในแนวโน้มใดแนวโน้มหนึ่งในที่สุดครับ
รูปแบบกราฟสามเหลี่ยม (Triangle Pattern)
รูปแบบกราฟสามเหลี่ยมเกิดจากการเคลื่อนไหวของราคาที่แคบลงเรื่อย ๆ ซึ่งเมื่อตีเส้นแนวโน้มสองเส้นตามจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของราคา แล้วจะทำให้เส้นทั้งสองเส้นบรรจบกันเป็นรูปสามเหลี่ยม เทรดเดอร์จึงเรียกว่า กราฟสามเหลี่ยม (Triangle Pattern)
โดยกราฟสามเหลี่ยมมีจุดสำคัญของกราฟ คือ แนวรับ, แนวต้าน และบริเวณมุมสามเหลี่ยม ที่สามารถใช้คาดการณ์แนวโน้มของราคาได้ ซึ่งจุดสำคัญเหล่านี้เป็นจุดที่ราคาเตรียมจะทะลุออกจากกรอบเดิมไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ทั้งนี้ รูปแบบกราฟสามเหลี่ยมยังสามารถใช้เพื่อคาดการณ์การ Breakout ได้อีกด้วย โดย Triangle Pattern สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
Ascending Triangle |
รูปแบบกราฟ Ascending Triangle จะเกิดขึ้นเมื่อราคามีการทำจุด High ใกล้เคียงกัน แต่ทำจุด Low ยกตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหากเทรดเดอร์ลากเส้นแนวต้านตามจุด High และลากเส้นแนวรับตามจุด Low จะได้เป็นรูปสามเหลี่ยมตั้ง รูปแบบนี้บ่งบอกถึงแรงซื้อที่เพิ่มขึ้นและมีโอกาสสูงที่ราคาจะทะลุแนวต้านขึ้นไป เพราะราคายังสามารถทำจุดต่ำสุดสูงขึ้นได้และไม่หลุดแนวรับ
Descending Triangle |
รูปแบบกราฟ Descending Triangle จะเกิดขึ้นเมื่อราคามีการทำจุด High ต่ำลงเรื่อย ๆ แต่ทำจุด Low ใกล้เคียงกัน ซึ่งหากเทรดเดอร์ลากเส้นแนวต้านแนวต้านจะได้เป็นรูปสามเหลี่ยมที่ฐานอยู่ด้านล่าง รูปแบบนี้บ่งบอกถึงแรงซื้อที่ลดลงและมีโอกาสสูงที่ราคาจะทะลุแนวรับลงไปอีก เนื่องจากราคาไม่สามารถทำจุด High ใหม่ได้ โดยรูปแบบนี้จะเป็นรูปแบบตรงข้ามกับ Ascending Triangle ครับ
Symmetrical Triangle |
รูปแบบกราฟ Symmetrical Triangle จะเกิดขึ้นเมื่อราคามีการทำจุด High ต่ำลงเรื่อย ๆ และทำจุด Low ยกสูงขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งหากเทรดเดอร์ลากเส้นแนวรับแนวต้านจะได้รูปสามเหลี่ยมที่แคบเข้าหากันเรื่อย ๆ โดยรูปแบบนี้จะยังไม่สามารถคาดการณ์แนวโน้มได้อย่างชัดเจน เทรดเดอร์อาจจะต้องรอยืนยันสัญญาณแนวโน้มตอนที่ราคาเคลื่อนไหวเข้าใกล้มุมสามเหลี่ยมและรอให้แท่งเทียนทะลุแนวรับหรือแนวต้านก่อนแล้วค่อยเปิดออเดอร์ครับ
ประโยชน์การใช้ Breakout |
ข้อจำกัดการใช้ Breakout |
|
|
ในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจาก False Breakout ไม่มีวิธีไหนที่สามารถหลีกเลี่ยงได้อย่าง 100% แต่เทรดเดอร์สามารถลดความเสี่ยงจากการโดนสัญญาณหลอกได้ด้วยการอดทนรอจังหวะที่เหมาะสมในการเปิดออเดอร์ โดยควรพิจารณาปริมาณการซื้อขาย (Volume) ร่วมด้วย เนื่องจากถ้าเป็น Breakout จริง ปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ในขณะที่ False Breakout มักจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงของปริมาณการซื้อขายมากนัก นอกจากนี้เทรดเดอร์ควรดูกราฟอย่างน้อย 2 Time Frame และดูแนวรับแนวต้านหลายระดับ ไม่ควรดูแค่เส้นเดียว เพื่อช่วยยืนยันว่ามีการ Breakout จริงและเพื่อเพิ่มความมั่นใจ เทรดเดอร์ควรใช้อินดิเคเตอร์และสัญญาณทางเทคนิคอื่น ๆ ร่วมในการพิจารณาก่อนตัดสินใจเปิดออเดอร์
Breakout เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ช่วยให้เพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการเทรด โดยเกิดจากการที่ราคาเคลื่อนที่ทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านสำคัญ ซึ่ง Breakout มักจะส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง อย่างไรก็ตามการ Breakout ก็อาจเป็นสัญญาณหลอกได้เช่นกัน ดังนั้น เทรดเดอร์ควรรอการยืนยันจากกราฟราคาและปริมาณการซือขาย รวมทั้งเครื่องมือทางเทคนิคต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจเปิดออเดอร์ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการโดนสัญญาณหลอกครับ
ทั้งนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง เทรดเดอร์ควรศึกษาถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาสินทรัพย์และข่าวสารเศรษฐกิจ รวมถึงเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยให้เทรดเดอร์ลดความเสี่ยงและวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นครับ
♦️ Breakout ใช้ในตลาดไหนได้บ้าง?
Breakout สามารถใช้ได้ในทุกตลาดการเงิน เช่น หุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์, Cryptocurrency และ Forex
♦️ ควรใช้เครื่องมือใดช่วยยืนยัน Breakout?
เทรดเดอร์สามารถใช้ Moving Average (MA) , RSI, MACD, หรือ Bollinger Bands ร่วมกับการดูกราฟแท่งเทียน, แนวรับแนวต้าน และปริมาณการซื้อขาย เพื่อช่วยยืนยันสัญญาณของการ Breakout
♦️ Breakout ต้องรอ Retest ก่อนเข้าเทรดไหม?
ไม่จำเป็นต้องรอ Retest เสมอไป แต่การรอ Retest จะช่วยลดความเสี่ยงจากการโดนสัญญาณหลอก โดยเฉพาะในตลาดที่ผันผวนสูง
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers
แนะนำโบรกเกอร์สำหรับคุณ
