List of content
องค์กรปล่อยเงินกู้ระดับโลก ใจบุญหรือหวังผล?! Thaiforexreview จะพาไปทำความรู้จัก IMF หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กองทุนการเงินระหว่างประเทศ” องค์กรที่คอยให้ความช่วยเหลือในช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่เพื่อขจัดความยากจน IMF มีวัตถุประสงค์อย่างไร, หาเงินทุนมาจากไหน และถือครองทองคำเป็นอันดับ 3 ของโลกจริงหรือไม่ ผมจะพาทุกท่านไปติดตามกันครับ
IMF ย่อมาจาก International Monetary Fund คือ กองทุนการเงินระหว่างประเทศที่ก่อตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1945 เพื่อสร้างโอกาสและการเติบโตให้แก่เศรษฐกิจโลกอย่างมั่นคงยั่งยืนด้วยการสนับสนุนด้านนโยบายให้แก่ประเทศสมาชิกครับ ปัจจุบัน IMF มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา และมีฐานะเป็นทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติครับ
IMF มีประวัติความเป็นมาค่อนข้างยาวนาน และมีส่วนร่วมในหลาย ๆ เหตุการณ์สำคัญตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันครับ ไม่ว่าจะเป็น
แต่จุดเริ่มต้นที่แท้จริงของ IMF เริ่มมาจากแนวคิดช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในทศวรรษ 1930 เพราะต้องการหลีกเลี่ยงความล้มเหลวแบบเดิม ๆ ดังนั้น หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ประเทศผู้นำพันธมิตรทั้ง 40 ประเทศ จึงมีการจัดประชุมด้านการเงินของสหประชาชาติ (Bretton Woods Conference) ในเดือนกรกฎาคม 1944 เพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสงคราม และมีแนวคิดในการสร้างระบบการเงินระหว่างประเทศที่ชัดเจนขึ้นครับ
จากนั้น IMF จึงได้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 1945 ด้วยการลงนามข้อตกลงว่าด้วยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งขณะนั้นมีประเทศสมาชิก 29 ประเทศ
วัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง IMF ตามข้อตกลงว่าด้วยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ มีดังนี้
จากจุดประสงค์ในข้างต้น ทำให้ IMF มีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญ 3 ประการ คือ
IMF จะมีการสอดส่องดูแลนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและการเงินของประเทศสมาชิกอย่างใกล้ชิด และมีการประชุมหารือกับประเทศสมาชิกเป็นประจำทุกปี เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและระดับโลกต่อไปครับ
โดยทั้งหมดนี้ IMF จะมีการเผยแพร่ผลการประเมินทุกครึ่งปีในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) และรายงานเสถียรภาพการเงินโลก (Global Financial Stability Report) ครับ
หากประเทศสมาชิกประสบปัญหาทางการเงิน IMF จะมีการให้ความช่วยเหลือทางการเงินผ่านการกู้ยืมเงิน เพื่อช่วยฟื้นฟูเสถียรภาพและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ดี นอกจากเงินกู้ที่ประเทศผู้กู้ยืมจะต้องชำระคืนให้แก่ IMF แล้ว ประเทศผู้กู้ยืมยังต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาทางการเงินภายในประเทศได้ครับ
นอกจากความช่วยเหลือทางการเงินแล้ว IMF ยังมอบความช่วยเหลือทางวิชาการให้แก่รัฐบาลและธนาคารกลางของประเทศสมาชิก เพื่อเพิ่มศักยภาพในด้านต่าง ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น
บทบาทหน้าที่ของ IMF ทั้งหมดที่กล่าวมา ล้วนมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างเสถียรภาพการเงินโลกและขจัดความยากจน ซึ่งหากประเทศสมาชิกต้องการความช่วยเหลือทั้งหมดนี้ก็อาจจะต้องแลกมากับผลกระทบบางประการครับ ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ไม่มีสิ่งใดได้มาฟรี ’
โดยปกติแล้ว เงินทุนของ IMF มาจาก 2 ส่วนหลัก ๆ คือ ค่าธรรมเนียมสมาชิกและการกู้ยืมเงินครับ แต่อย่างไรก็ดี แหล่งเงินทุนของ IMF ยังครอบคลุมถึงช่องทางอื่น ๆ ด้วยดังต่อไปนี้ครับ
เงินทุนหลัก ๆ ของ IMF มาจากค่าธรรมเนียมที่ประเทศสมาชิกจ่าย ทั้งเพื่อเข้าร่วมหรือยกระดับโควตาของตัวเอง ซึ่งค่าธรรมเนียมในการเข้าร่วม IMF จะถูกจ่ายผ่านรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งดังต่อไปนี้ครับ
โดยจำนวนเงินทุนที่ประเทศสมาชิกจ่ายให้แก่ IMF จะส่งผลต่อ “โควตา” ที่ประเทศนั้น ๆ จะได้รับต่อไปด้วยเช่นกันครับ
เงินทุนอีกส่วนของ IMF มาจากดอกเบี้ยที่ประเทศสมาชิกมีการกู้ยืมเงินไป และชำระเงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยครับ ซึ่งดอกเบี้ยในส่วนนี้อาจชำระคืนได้ทั้งเป็นเงินตรา, ทองคำ หรืออื่น ๆ ตามที่ IMF เห็นสมควรครับ
ในบางกรณี IMF อาจตัดสินใจขายสินทรัพย์ที่ตนถือครอง เพื่อเพิ่มรายได้ที่ใช้สนับสนุนโครงการทางการเงินต่าง ๆ หรืออาจตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์บางประเภทเพื่อเพิ่มผลตอบแทนในอนาคตด้วยครับ
หากเงินทุนไม่เพียงพอ IMF อาจจำเป็นต้องกู้ยืมเงินเพื่อนำมาเสริมเงินทุนของตนเอง และเพื่อป้องกันความเสี่ยงในระบบการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งมีการกู้ยืมเงินทั้งหมด 2 แผน คือ
ทุกท่านทราบหรือไม่ครับว่า หากรวมเงินที่ได้มาจากการกู้ยืมทั้ง 2 แผนเข้าด้วยกัน IMF จะมีเงินทุนที่สูงถึง 34,000 ล้าน SDR (ราว 46,000 ล้านดอลลาร์) ในการเป็นทุนให้ประเทศสมาชิกกู้ยืมต่อไปครับ
ปัจจุบัน (30 มิถุนายน 2023) IMF มีเงินทุนรวมทั้งหมดประมาณ 983 พันล้าน SDR โดยแบ่งเป็นทุน 3 ประเภท ดังนี้ครับ
เงินทุนของ IMF จะถูกเก็บรวบรวมผ่านสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ทั้งเงินสด, สิทธิพิเศษต่าง ๆ รวมถึง “ทองคำ” ด้วยครับ
ทุกท่านทราบหรือไม่ครับว่า IMF มีปริมาณการถือครองทองคำมากเป็นอันดับ 3 ของโลก หากเทียบกับอัตราส่วนที่ประเทศต่าง ๆ มีการถือครองทองคำสำรองอยู่ในปัจจุบัน โดยปริมาณทองคำที่ IMF ถือครองอยู่มีมากถึง 90.5 ล้านออนซ์ หรือ 2,814.1 ตัน เรียกได้ว่า มากกว่าประเทศอิตาลีที่อยู่ในอันดับ 3 อีกครับ
อันดับ |
ประเทศ |
ปริมาณทองคำสำรอง |
1 |
สหรัฐฯ |
8,133.46 ตัน |
2 |
เยอรมนี |
3,354.89 ตัน |
3 |
อิตาลี |
2,451.84 ตัน |
4 |
ฝรั่งเศส |
2,436.81 ตัน |
5 |
รัสเซีย |
2,326.52 ตัน |
โดยปริมาณทองคำที่ IMF เก็บสะสมไว้นั้นก็ล้วนมาจากค่าธรรมเนียมที่ประเทศสมาชิกจ่ายเข้ามา, ดอกเบี้ยการกู้ยืมเงิน และการซื้อขายทองคำของ IMF เอง ซึ่งการเก็บสะสมทองคำของ IMF นั้น มีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้หลาย ๆ ประเทศผ่านปัญหาทางการเงิน หรืออาจเรียกง่าย ๆ ว่า “การให้กู้” ในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมาครับ
ด้วยเหตุนี้เอง จึงไม่น่าแปลกใจที่ IMF ในฐานะนายหน้าให้กู้ยืมเงินรายใหญ่ระดับโลก จะกลายเป็นหนึ่งในผู้ถือครองทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลกใช่ไหมล่ะครับ
โควตาของ IMF มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อประเทศสมาชิก เนื่องจากมันจะช่วยกำหนดสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ และการเข้าถึงเงินทุนในระดับที่แตกต่างกัน ดังนี้ครับ
โดยปกติแล้ว ประเทศสมาชิกจะมีคะแนนเสียงพื้นฐานเท่ากันที่จำนวน 250 คะแนน แต่หากมีโควตา คะแนนเสียงก็จะเพิ่มขึ้น 1 คะแนนต่อโควตา 100,000 SDR ครับ ซึ่งคะแนนเสียงนี้จะส่งผลต่อการลงคะแนนเสียงแบบถ่วงน้ำหนักด้วย เพราะหากมีโควตามากก็จะมีคะแนนเสียงมาก เช่นเดียวกันครับ หากประเทศใดมีโควตาน้อยก็จะสามารถลงคะแนนเสียงได้น้อยลงตามไปด้วย
สิทธิพิเศษถอนเงิน (Special Drawing Rights: SDR) เป็นหน่วยเงินที่ออกโดย IMF ซึ่งสามารถเบิกมาใช้ได้โดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าจะใช้เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงิน, งบประมาณ หรือคืนเงินกู้ก็ได้ เพราะ SDR ไม่ถือเป็นเงินที่แท้จริง ทำให้ไม่สร้างแรงกดดันเงินเฟ้อต่อเศรษฐกิจโลก โดยประเทศสมาชิกสามารถใช้ SDR ได้ตามสัดส่วนโควตา
ประเทศสมาชิกสามารถกู้เงินจาก IMF ได้ไม่เกินร้อยละ 100 ของจำนวนโควตาต่อปี และรวมกันไม่เกินร้อยละ 300 ของจำนวนโควตา ทำให้ยิ่งมีโควตามากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเข้าถึงระดับเงินทุนที่มากขึ้นได้นั่นเองครับ
อย่างไรก็ดี โควตาของ IMF นั้น สามารถกำหนดได้จากขนาดทางเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ เป็นหลักครับ แต่ค่าธรรมเนียมสมาชิกก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ดังนั้น IMF จึงมีการทบทวนโควตาของประเทศสมาชิกทุก ๆ 5 ปี เพื่อปรับปรุงสิทธิให้เหมาะสมกับฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเพื่อยกระดับเงินทุนของ IMF จากค่าธรรมเนียมนั่นเองครับ
ประเทศที่มีโควตาสูงสุด |
จำนวนโควตา (ร้อยละ) |
สหรัฐฯ |
16.66 |
ญี่ปุ่น |
6.21 |
จีน |
6.14 |
เยอรมนี |
5.37 |
ฝรั่งเศส |
4.07 |
สหราชอาณาจักร |
4.07 |
อิตาลี |
3.05 |
อินเดีย |
2.66 |
รัสเซีย |
2.61 |
บราซิล |
2.24 |
ขณะที่ปัจจุบัน ประเทศไทยมีโควตาเท่ากับ 3,211.9 ล้าน SDR หรือร้อยละ 0.67 ของจำนวนโควตาทั้งหมดครับ
ปัจจุบัน IMF มีสมาชิกรวม 190 ประเทศ โดยมีสมาชิกดั้งเดิมที่ลงนามในข้อตกลงขณะเริ่มต้น 35 ประเทศ (อ้างอิงจากรายชื่อบนเว็บไซต์ IMF) ขณะที่ประเทศไทยเข้าร่วม IMF ในฐานะสมาชิกลำดับที่ 44 ครับ
หลังจากที่ประเทศไทยเข้าร่วม IMF ไปเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 1949 ก็เคยได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF 5 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งหมด 4,431 ล้าน SDR ดังนี้ครับ
โดยความช่วยเหลือทั้ง 5 ครั้ง อยู่ภายใต้โครงการ Stand-by ซึ่งเป็นโครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่ประสบปัญหาดุลการชำระเงินระยะสั้น มีระยะเวลาการกู้ยืม 12 – 24 เดือน และระยะเวลาชำระคืนอยู่ที่ 3¼ - 5 ปีครับ อย่างไรก็ดี ประเทศไทยได้ชำระคืนหนี้ทั้งหมดก่อนครบกำหนด ทำให้ในปัจ