แนวรับ แนวต้าน คืออะไร? เคล็ดลับพื้นฐานที่ช่วยให้เทรดแบบมือโปร


แนวรับ แนวต้าน คืออะไร? เคล็ดลับพื้นฐานที่ทำให้เทรดแบบมือโปร

หนึ่งในสิ่งที่เทรดเดอร์ทุกคนควรทำความเข้าใจ เมื่อเข้ามาในตลาด Forex ก็คือ ความรู้พื้นฐานเรื่อง แนวรับ แนวต้าน เพื่อที่จะช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด Forex และยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การเข้าออกออเดอร์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยทางทีมงาน Thaiforexreview จะอธิบายว่า แนวรับ แนวต้าน คืออะไร? ใช้ดูราคายังไง? และทำไมถึงเป็นเคล็ดลับที่ทำให้เทรดเดอร์ก้าวไปสู่การเทรดแบบมือโปรได้ มาทำความรู้จักและหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้เลยครับ

 

แนวรับ แนวต้าน คืออะไร?

แนวรับ แนวต้าน (Support and Resistance) คือ ระดับราคาที่ถือเป็นจุดสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของราคา หากราคาสามารถทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านไปได้ ก็อาจจะเกิดการกลับตัวไปสู่แนวโน้มใหม่หรือใช้เพื่อยืนยันการไปต่อของแนวโน้มเดิม โดยระดับราคาที่มีความสำคัญเหล่านี้ จะสะท้อนถึงภาวะอุปสงค์หรือความต้องการซื้อ (Demand) และอุปทานหรือความต้องการขาย (Supply) ในตลาดได้ครับ

แนวรับ คืออะไร?

แนวรับ support แนวรับ (Support) คือ ระดับราคาที่อยู่ต่ำกว่าราคาปัจจุบันและเป็นจุดที่ราคาเคยเคลื่อนที่ลงไปถึงแล้ว แต่ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ ซึ่งเมื่อราคาเคลื่อนที่กลับมาทดสอบระดับนั้นอีกครั้ง เทรดเดอร์มักจะมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อและเมื่อเทรดเดอร์ในตลาดคิดเหมือนกัน ก็จะทำให้เกิดอุปสงค์หรือแรงซื้อจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาดีดตัวกลับขึ้นไปและไม่ทะลุผ่านแนวรับนั้นได้ครับ

 

แนวต้าน คืออะไร?

แนวต้าน resistance แนวต้าน (Resistance) คือ ระดับราคาที่อยู่สูงกว่าราคาปัจจุบันและเป็นจุดที่ราคาเคยเคลื่อนที่ไปถึง แล้วไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ ซึ่งเมื่อราคาเคลื่อนที่ขึ้นไปทดสอบระดับนั้นอีกครั้ง เทรดเดอร์มักจะมองว่าเป็นโอกาสในการเทขายและเมื่อเทรดเดอร์ในตลาดคิดเหมือนกัน ก็จะทำให้เกิดอุปทานหรือแรงขายจำนวนมาก ส่งผลให้ราคากลับตัวลงไปและไม่ทะลุผ่านแนวต้านนั้นได้ครับ

 

แนวรับ แนวต้าน ดูยังไง?

เทรดเดอร์สามารถสังเกตแนวรับแนวต้านได้จากพฤติกรรมของราคาและแรงซื้อขายในตลาด โดยวิธีหลัก ๆ ที่เทรดเดอร์นิยมใช้กัน มีดังนี้

  • แรงซื้อขาย (Volume) เทรดเดอร์สามารถสังเกตแนวรับ แนวต้านได้จากแรงซื้อขาย เมื่อแรงซื้อหรือแรงขายมีจำนวนมากที่บริเวณระดับราคานั้น ๆ มักทำให้ราคาหยุดหรือเด้งกลับไปที่ระดับเดิม
  • ราคาหยุดหรือดีดกลับ เทรดเดอร์สามารถสังเกตได้จากราคาที่เคยเคลื่อนที่ลงมาแล้วมีการหยุดหรือมีการเด้งกลับมาจากระดับแนวรับ รวมถึงเมื่อราคาเคลื่อนที่ขึ้นไปชนแนวต้านแล้วกลับตัวลงมาจากระดับแนวต้าน
  • การแกว่งตัวของราคา เทรดเดอร์สามารถสังเกตได้จากช่วงราคาที่แกว่งตัวแล้วไม่ทะลุระดับราคาเดิม

การสังเกตรูปแบบเหล่านี้ จะช่วยให้เทรดเดอร์เห็นระดับแนวรับแนวต้านได้อย่างชัดเจนและสามารถใช้ประกอบการวิเคราะห์แนวโน้มราคาได้ครับ

 

วิธีการหาเส้นแนวรับแนวต้าน

การหาแนวรับแนวต้าน ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการวิเคราะห์ราคาในตลาด Forex เพราะจะช่วยให้เทรดเดอร์เห็นจุดเข้าออกออเดอร์ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นและสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแต่ละสไตล์การเทรดของเทรดเดอร์ อาจใช้วิธีการหาแนวรับแนวต้านที่ต่างกัน ในบทความนี้ทางทีมงาน Thaiforexreview จะพาไปดูวิธีที่เทรดเดอร์นิยมใช้ในการหาตำแหน่งแนวรับ แนวต้าน เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้ได้ตรงกับสไตล์ของตัวเองครับ

วีธีการหาเส้นแนวรับแนวต้านจากจุดสูงสุด-จุดต่ำสุด (Highest-Lowest)

การหาแนวรับแนวต้านจากจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด คือ การใช้ระดับราคาที่เคยเป็นจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดของราคาก่อนหน้าในการกำหนดแนวรับแนวต้าน ซึ่งเทคนิคนี้ถือเป็นการตีเส้นในเชิงจิตวิทยา เพราะระดับราคาเหล่านี้สะท้อนถึงแรงซื้อ (อุปสงค์) และแรงขาย (อุปทาน) จำนวนมาก จึงทำให้ราคามีโอกาสกลับตัวสูงและยังช่วยให้เทรดเดอร์วางการเทรดได้อย่างชัดเจนมากขึ้นครับ


การหาเส้นแนวรับ แนวต้านจากจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด

จากภาพกราฟ เทรดเดอร์จะสามารถสังเกตเห็นระดับแนวรับแนวต้านที่เกิดขึ้นบนกราฟได้ ดังนี้

  • แนวรับ (Support) จะอยู่ที่บริเวณจุดต่ำสุดของราคาที่เคยลงมาทดสอบและดีดตัวขึ้น อย่างเช่นในกราฟตัวอย่าง ที่ระดับราคาประมาณ 3,630 จะเห็นว่าราคาหยุดลงหลายครั้งที่แนวรับแล้วกลับตัวขึ้น แสดงถึงแรงซื้อหรืออุปสงค์ที่เข้ามาจำนวนมาก ทำให้ราคามีโอกาสกลับตัวขึ้นอีกเมื่อมาทดสอบที่ระดับนี้อีกครั้ง
  • แนวต้าน (Resistance) จะอยู่บริเวณจุดสูงสุดของราคาที่เคยขึ้นไปชนแล้วไม่สามารถทะลุผ่านได้ อย่างเช่นในกราฟตัวอย่าง ที่ระดับราคาประมาณ 3,705 จะเห็นว่าราคาชนแนวต้านแล้วเด้งลงหลายครั้ง แสดงถึงแรงขายหรืออุปทานจำนวนมาก ทำให้ราคายากที่จะผ่านระดับนี้ไปได้

ดังนั้น เทรดเดอร์จึงสามารถใช้จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของราคาแท่งเทียนก่อนหน้าเพื่อใช้ในการวางแผนการเทรดได้ เช่น วางจุดเข้าออกหรือ Stop Loss และ Take Profit เพราะระดับราคาเหล่านี้ มักทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันทางจิตวิทยาของตลาดและยังสามารถช่วยวิเคราะห์แนวโน้มของราคาถัดไปได้ครับ

วีธีการหาเส้นแนวรับแนวต้านจากการตีเส้นแนวโน้ม (Trend Line)

การหาแนวรับแนวต้านจากการตีเส้น Trend Line คือ การลากเส้นเชื่อมระหว่างจุดราคาสูงสุดหรือจุดราคาต่ำสุดของกราฟราคาในช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อระบุทิศทางของตลาดและระดับที่ราคามีแนวโน้มจะกลับตัวหรือการเกิด Breakout ซึ่งเทคนิคนี้ช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นแนวโน้มระยะสั้นและระยะยาวได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งสามารถช่วยให้เทรดเดอร์วางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

การตีเส้น Trend Line ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)


การตีเส้น Trend Line ในแนวโน้มขาขึ้น

ในช่วงแนวโน้มขาขึ้น กราฟราคาจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กราฟเฉียงขึ้นจากซ้ายไปขวา ซึ่งการตีเส้น Trend Line จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุเส้นแนวรับและแนวต้านได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเทรดเดอร์สามารถสังเกตได้ ดังนี้

  • เส้นแนวรับ เทรดเดอร์ควรลากเส้นแนวรับให้อยู่ใต้แท่งเทียน โดยเส้นแนวรับจะเกิดจากการลากเส้นเชื่อมจากจุดที่ราคาทำจุดต่ำสุดหลาย ๆ จุดในแนวโน้มขาขึ้น
  • เส้นแนวต้าน เทรดเดอร์ควรลากเส้นแนวต้านให้อยู่เหนือแท่งเทียน โดยเส้นแนวต้านจะเกิดจากการลากเส้นเชื่อมจากจุดที่ราคาทำจุดสูงสุดหลาย ๆ จุดในแนวโน้มขาขึ้น

 

การตีเส้น Trend Line ในแนวโน้มขาลง (Downtrend)


การตีเส้น Trend Line ในแนวโน้มขาลง

ในช่วงแนวโน้มขาลง กราฟราคามีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้กราฟเฉียงลงจากซ้ายไปขวา โดยเทรดเดอร์สามารถทำการตีเส้น Trend Line ในตลาดขาลงได้ ดังนี้

  • เส้นแนวรับ เทรดเดอร์ควรลากเส้นแนวรับให้อยู่ใต้แท่งเทียน โดยเส้นแนวรับจะเกิดจากการลากเส้นเชื่อมจากจุดที่ราคาทำจุดต่ำสุดหลาย ๆ จุดในในแนวโน้มขาลง
  • เส้นแนวต้าน เทรดเดอร์ควรลากเส้นแนวต้านให้อยู่เหนือแท่งเทียน โดยเส้นแนวต้านจะเกิดจากการลากเส้นเชื่อมจากจุดที่ราคาทำจุดสูงสุดหลาย ๆ จุดในแนวโน้มขาลง

 

การตีเส้น Trend Line ในช่วงตลาด Sideway

การตีเส้น Trend Line ในช่วงตลาด Sideway

ในช่วงตลาด Sideway กราฟราคาเคลื่อนไหวแบบแนวนอน โดยไม่มีทิศทางการเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงอย่างชัดเจน ซึ่งเทรดเดอร์สามารถทำการตีเส้น Trend Line ในช่วงตลาด Sideway ได้ ดังนี้

  • เส้นแนวรับ เทรดเดอร์ควรลากเส้นแนวรับให้อยู่ใต้แท่งเทียน โดยเส้นแนวรับจะเกิดจากการลากเส้นเชื่อมจากจุดที่ราคาทำจุดต่ำสุดหลาย ๆ จุดที่ราคาลงมาทดสอบแล้วเด้งกลับขึ้นไป
  • เส้นแนวต้าน เทรดเดอร์ควรลากเส้นแนวต้านให้อยู่เหนือแท่งเทียน โดยเส้นแนวต้านจะเกิดจากการลากเส้นเชื่อมจากจุดที่ราคาทำจุดสูงสุดหลาย ๆ จุดที่ราคาขึ้นมาทดสอบแล้วถูกแรงขายกดลงไปในกรอบ

 

วีธีการหาเส้นแนวรับแนวต้านจาก Indicator

นอกจากการใช้จุดสูงสุด-ต่ำสุดหรือการตีเส้นแนวโน้มเพื่อหาแนวรับแนวต้านแล้ว เทรดเดอร์ยังสามารถใช้เครื่องมือ Indicator ต่าง ๆ เข้ามาช่วยวิเคราะห์แนวรับแนวต้านได้เช่นกัน ซึ่ง Indicator เหล่านี้จะช่วยยืนยันระดับราคาที่มีโอกาสเกิดการกลับตัวหรือเป็นจุดที่มีแรงซื้อขายเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดย Indicator ที่นิยมใช้กันก็มีอยู่หลายตัว อย่างเช่น Fibonacci Ratio และ Moving Average (MA) ที่สามารถนำมาช่วยวิเคราะห์แนวรับแนวต้านได้ แต่จะมีหลักการหาแนวรับแนวต้านที่แตกต่างกันออกไปครับ

 

การหาแนวรับ แนวต้านจาก Moving Average

การหาแนวรับ แนวต้านจาก Indicator อย่าง Moving Average ซึ่งจะใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) เพื่อบอกทิศทางและระดับราคาที่มีโอกาสเกิดแรงซื้อขาย โดยเส้น MA จะคำนวณจากค่าเฉลี่ยของราคาปิดย้อนหลังตามช่วงเวลาที่กำหนด เช่น MA 20, MA 50 หรือ MA 200 (เทรดเดอร์สามารถกำหนดค่า MA ได้ตามความต้องการและสไตล์การเทรดของเทรดเดอร์เอง) ซึ่งสามารถใช้เป็นแนวรับในช่วงขาขึ้นและใช้เป็นแนวต้านในช่วงขาลงได้ โดยหลักการสังเกตแนวรับ แนวต้าน คือ เมื่อราคาอยู่เหนือเส้น MA เส้น MA นั้นจะทำหน้าที่เป็นแนวรับ เพราะเวลาราคาย่อตัวลงมาแตะเส้น MA มักจะมีแรงซื้อดันให้ราคากลับขึ้นไปอีก และเมื่อราคาอยู่ใต้เส้น MA เส้น MA นั้นจะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน

การหาแนวรับ แนวต้านจาก Moving Average

จากกราฟตัวอย่าง เป็นการใช้ Moving Average 3 เส้น ได้แก่ เส้นระยะสั้น (สีน้ำเงิน), เส้นระยะกลาง (สีเหลือง) และเส้นระยะยาว (สีเขียว) โดยจากกราฟ ราคาตลาดอยู่ในช่วงแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งราคาจะวิ่งอยู่เหนือเส้น MA เป็นส่วนใหญ่ ทำให้เส้น MA ทำหน้าที่เป็นแนวรับ เมื่อราคาปรับตัวลงมาแตะเส้น MA หลังจากนั้นมักจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา ส่งผลให้ราคายังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น ซึ่งเทรดเดอร์สามารถใช้เส้น MA เป็นแนวรับแนวต้านได้ ดังนี้

  • เส้น MA ระยะกลาง (เส้นสีเหลือง) มีการเคลื่อนไหวใกล้ราคามากกว่าเส้น MA เส้นอื่น เทรดเดอร์จึงสามารถนำมาใช้ดูแนวรับแนวต้านระยะสั้นหรือกลางได้
  • เส้น MA ระยะยาว (เส้นสีเขียว) มีการเคลื่อนไหวห่างจากราคามากกว่าเส้น MA เส้นอื่น เทรดเดอร์จึงสามารถนำมาใช้ดูเป็นแนวโน้มหลักและแนวรับแนวต้านระยะยาวหรือใช้เป็นเป็นแนวรับสุดท้ายได้

ดังนั้น จากกราฟราคาจะเห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดยราคามีการย่อตัวลงมาใกล้เส้น MA หลายครั้ง แต่ยังคงสามารถดีดตัวขึ้นได้ทุกครั้ง จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าเส้น MA ทำหน้าที่เป็นแนวรับที่สำคัญและช่วยยืนยันความต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้นได้ครับ

 

การหาแนวรับ แนวต้านจาก Fibonacci

การหาแนวรับ แนวต้านจาก Indicator อย่าง Fibonacci เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ได้รับความนิยม แม้จะไม่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักจิตวิทยาเหมือนการหาแนวรับ แนวต้านด้วยเทคนิคอื่น ๆ แต่ Fibonacci สามารถใช้เพื่อช่วยบอกระดับราคาที่อาจเกิดการพักตัวหรือย่อตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหลักการคือการลากเส้น Fibonacci จากจุดต่ำสุดไปยังจุดสูงสุด (ในเทรนด์ขาขึ้น) หรือลากเส้นจากจุดสูงสุดไปยังจุดต่ำสุด (ในเทรนด์ขาลง) จากนั้นจะได้สัดส่วนตัวเลขที่สำคัญ เช่น 23.6%, 38.2%, 50.0%, 61.8% และ 78.6% ซึ่งระดับเหล่านี้ มักเป็นโซนที่ราคามีโอกาสดีดตัวกลับหรือเกิดแรงซื้อขายที่ชัดเจน

การหาแนวรับ แนวต้านจาก Fibonacci Ratio

จากกราฟตัวอย่าง เป็นการลากเส้น Fibonacci ในแนวโน้มขาขึ้น โดยลากจากจุดต่ำสุดบริเวณ 3,268 ไปยังจุดสูงสุดบริเวณ 3,930 ซึ่งได้เส้นแนวรับแนวต้านสำคัญออกมา ดังนี้

  • ระดับ 23.6% ที่ช่วงราคา 3,773 เป็นระดับที่ราคาเคยย่อตัวลงมาแล้วดีดกลับขึ้นไป ซึ่งถือเป็นโซนแนวต้านสำคัญในระยะสั้น
  • ระดับ 38.2% ที่ช่วงราคา 3,677 เป็นระดับราคาที่ทำหน้าที่เป็นแนวรับ หากราคาปรับตัวลงมาถึงระดับนี้ ราคามีโอกาสที่จะดีดตัวกลับขึ้นไปได้
  • ระดับ 50.0% ที่ช่วงราคา 3,599 เป็นระดับกึ่งกลางของการเคลื่อนไหว ราคาอาจพักตัวบริเวณนี้ก่อนเลือกทิศทางเพื่อไปต่อ
  • ระดับ 61.8% ที่ช่วงราคา 3,521 ถือเป็นโซนสำคัญที่สุดของ Fibonacci และมักถูกใช้เป็นแนวรับหลัก เพราะหากราคาลงมาถึงระดับนี้แล้วยังมีการดีดตัวกลับขึ้นไปได้ นั่นแสดงถึงการไปต่อในแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • ระดับ 78.6% ที่ช่วงราคา 3,409 เป็นระดับที่หากราคาลงไปต่ำกว่าระดับนี้ อาจเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มขาขึ้นกำลังอ่อนแรงลงและอาจเปลี่ยนทิศทางเป็นแนวโน้มขาลงได้

จากภาพตัวอย่าง เทรดเดอร์จะเห็นได้ว่าราคาปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างระดับ 23.6% ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดยังคงมีแรงซื้อและมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นไปต่อได้ครับ

 

วิธีการใช้งานแนวรับแนวต้าน

แนวรับแนวต้าน สามารถใช้ร่วมกับเทคนิคการเทรดอื่น ๆ ได้ เช่น Price Action, Chart Pattern หรือ Divergence เพื่อยืนยันสัญญาณ อีกทั้งยังสามารถใช้สังเกตการเกิด Breakout ได เพื่อดูว่าราคาจะไปต่อหรือติดอยู่ที่แนวรับหรือแนวต้านนั้น โดยทางทีมงาน Thaiforexreview จะพาเทรดเดอร์ไปดูตัวอย่างการใช้แนวรับแนวต้านในการเทรด Forex กันครับ

 

ตัวอย่างการนำแนวรับแนวต้านไปใช้ในการเทรด Forex 

ตัวอย่างการนำแนวรับ แนวต้านไปใช้ในการเทรด Forex 

จากรูปกราฟตัวอย่าง เทรดเดอร์จะเห็นได้ว่าราคามีการย่ำอยู่กับที่และมักจะเป็นจุดเดียวกับที่ราคาเคยขึ้นไปหรือลงมาในอดีต โดยสามารถที่จะอธิบายแนวรับแนวต้านแต่ละจุดได้ ดังนี้

  • แนวต้านที่วงกลมสีเหลือง : เป็นแนวต้านในกรอบแนวโน้มขาลง และเป็นแนวต้านใน Fibonacci ที่ระดับ 0.786 โดยได้เกิดสัญญาณการกลับตัว (Divergence) ส่งผลให้ราคามีการร่วงลงมา
  • แนวต้านที่วงกลมสีฟ้า : เป็นแนวต้านที่เกิดจากการพักตัวของราคาระหว่างทาง โดยการพักตัวของราคาดังกล่าวนั้นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ในอดีตเป็นจุดที่มีปริมาณการซื้อสูง แต่ไม่เพียงพอที่จะดันราคากลับขึ้นไปได้ หรือก็คือ มีแรงขายมากกว่าแรงซื้อ ดังนั้น จึงกลายเป็นจุดที่ได้เปรียบในการ Sell และส่งผลให้ราคาร่วงลงมา หลังจากราคาได้กลับขึ้นมาที่บริเวณดังกล่าวอีกครั้ง
  • แนวรับที่วงกลมสีแดง : แนวรับที่จุดนี้เป็นแนวรับที่ราคาเคยลงไปทำไว้ในอดีต และทำให้มีการสะสมคำสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก เมื่อราคากลับลงมาที่บริเวณดังกล่าวอีกครั้ง ทำให้ราคามีการกลับตัวขึ้นไปทุกครั้งที่ลงมาแตะบริเวณแนวรับดังกล่าว

 

รู้หรือไม่⁉️

เส้นแนวรับสามารถเปลี่ยนเป็นเส้นแนวต้านได้และเส้นแนวต้านก็สามารถเปลี่ยนกลับมาเป็นเส้นแนวรับได้เช่นกัน ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุผ่านระดับแนวรับหรือแนวต้านเดิมไปได้ครับ

 

ข้อควรระวังในการใช้แนวรับ แนวต้าน

การใช้แนวรับแนวต้านมีข้อควรระวังที่เทรดเดอร์มือใหม่ควรรู้ ดังนี้

  1. แนวรับแนวต้านเป็นเพียงระดับราคาที่เกิดขึ้นจากการคาดการณ์เท่านั้น ราคาจะเกิดการกลับตัวหรือไม่ เราไม่สามารถกำหนดได้ ดังนั้น เทรดเดอร์ทำได้เพียงสังเกตพฤติกรรมของราคาครับ
  2. การใช้แนวรับแนวต้าน มักไม่ค่อยใช้ได้ผลในช่วงที่มีข่าวสำคัญทางเศรษฐกิจ เพราะราคามีความผันผวนสูงและสามารถทะลุระดับราคาเหล่านี้ได้ง่าย ดังนั้น เทรดเดอร์ควรหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงเวลาที่มีข่าวครับ

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแนวรับแนวต้าน

แนวรับ แนวต้าน ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร?

🔸 แนวรับ ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Support ส่วนแนวต้าน ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Resistance

แนวรับ คืออะไร?

🔸 แนวรับ คือ ระดับราคาที่มีแรงซื้อเข้ามาทำให้ราคาหยุดปรับตัวไปต่อลงและยังเป็นระดับราคาที่มักมีการดีดตัวกลับขึ้นไปอีกครั้งด้วยครับ

เส้นแนวรับแนวต้าน ที่แข็งแกร่งดูยังไง?

🔸 แนวรับแนวต้าน ที่แข็งแกร่ง สามารถดูได้จากการเคลื่อนที่ของราคาที่มีการไปทดสอบแนวรับแนวต้านแบบซ้ำ ๆ แต่ราคาไม่สามารถทะลุขึ้นหรือลงได้

การตีเส้นแนวรับแนวต้านแบบ Trend Line แตกต่างจากการตีเส้นแบบจุดสูงสุด-จุดต่ำสุดอย่างไร?

🔸 ความแตกต่างกันในการตีเส้น คือ แบบ Trend Line จะเป็นเส้นเฉียงที่แสดงทิศทางและโมเมนตัมของราคา โดยเชื่อมจากจุดต่ำสุดของราคาในแนวโน้มขาขึ้นหรือจุดสูงสุดของราคาในแนวโน้มขาลง อย่างน้อย 2 จุดขึ้นไป ส่วนแบบ จุดสูงสุด–จุดต่ำสุด จะเป็นเส้นแนวนอนที่แสดงระดับราคาสำคัญที่เคยเกิดแรงซื้อหรือขาย แต่ไม่บอกทิศทางตลาดชัดเจนเหมือน Trend Line ครับ

 

สรุปเกี่ยวกับแนวรับแนวต้าน

แนวรับแนวต้าน คือ ระดับราคาที่มาจากความคิดในเชิงจิตวิทยาของเทรดเดอร์ ซึ่งเกิดจากการสังเกตการเคลื่อนไหวของราคาว่า ราคามักเคลื่อนไหวไปทดสอบที่จุดเดิมหลายครั้ง จนกลายเป็นจุดพักตัวหรือจุดกลับตัวในที่สุด ทำให้เทรดเดอร์สามารถนำระดับเหล่านี้มาใช้เพื่อช่วยในการวางแผนการลงทุนได้ โดยการกำหนดแนวรับแนวต้านมีหลายวิธี เทรดเดอร์จึงสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของตนเองได้เลยครับ

อย่างไรก็ตาม เมื่อราคามาถึงระดับแนวรับหรือแนวต้าน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดการกลับตัวเสมอไป ดังนั้น เทรดเดอร์จึงควรวางแผนการเทรดอย่างรอบคอบและควรศึกษาถึงปัจจัยเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อราคา รวมถึงการใช้อินดิเคเตอร์หรือเทคนิคการเทรดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากการขาดทุนที่มากเกินไปครับ

 


⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

 

หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม

สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com

ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview

ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis

อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs

อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers

forex

แนะนำโบรกเกอร์สำหรับคุณ

tfn
ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย

Thaiforexreview.com จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ
ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์โบรกเกอร์ Forex ข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน และการวิเคราะห์เป็นความคิดเห็น ของ Thaiforexreview.com ไม่มีการการันตีใด ๆ

การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex มีความเสี่ยงสูง ก่อนตัดสินใจซื้อขาย Forex หรือใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เรามุ่งเน้นเพื่อเสนอข้อมูล ที่สำคัญเกี่ยวกับโบรกเกอร์ทั้งหมดที่เราตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด

ความรู้ Forex

Forex

Gold

Beginner

Investing

ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย

Thaiforexreview.com จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ
ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์โบรกเกอร์ Forex ข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน และการวิเคราะห์เป็นความคิดเห็น ของ Thaiforexreview.com ไม่มีการการันตีใด ๆ

การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex มีความเสี่ยงสูง ก่อนตัดสินใจซื้อขาย Forex หรือใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เรามุ่งเน้นเพื่อเสนอข้อมูล ที่สำคัญเกี่ยวกับโบรกเกอร์ทั้งหมดที่เราตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด

© Copyright Thaiforexreview 2023. All rights reserved