Bear Trap และ Bull Trap คืออะไร? กับดักราคาในตลาด Forex

ในการเทรด Forex หลายคนอาจรู้สึกว่าตลาด Forex นี้เต็มไปด้วยความเสี่ยงและกับดักราคา ที่ทำให้ตัดสินใจผิดพลาดจนขาดทุนได้ง่าย โดยกับดักเหล่านี้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะเรียกว่า Bear Trap (กับดักหมี) และ Bull Trap (กับดักกระทิง) ซึ่งกับดักเหล่านี้จะมีลักษณะการเคลื่อนที่หลอกให้เทรดเดอร์เข้าออเดอร์ผิดทาง แต่หากเทรดเดอร์เข้าใจลักษณะและวิธีสังเกต Bear Trap และ Bull Trap เทรดเดอร์ก็สามารถที่จะลดความเสี่ยงและใช้ประโยชน์จากกับดักเหล่านี้เพื่อสร้างโอกาสทำกำไรได้เช่นกัน โดยในบทความนี้ทางทีมงาน Thaiforexreview จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Bear Trap และ Bull Trap อย่างละเอียดครับ
Bear Trap หรือ กับดักหมี คือ สถานการณ์ที่ราคาสินทรัพย์ทะลุผ่านแนวรับสำคัญ แต่แล้วก็กลับดีดตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำให้เทรดเดอร์ที่เปิดออเดอร์ Sell ตอนราคาหลุดแนวรับต้องขาดทุน ซึ่งสาเหตุหลักมักเกิดจากเทรดเดอร์รายใหญ่ที่เข้ามากดราคาสินทรัพย์ให้ลงต่ำกว่าระดับแนวรับ เพื่อล่อให้เทรดเดอร์รายย่อยเข้ามา Sell ก่อนแล้วจึงเข้าซื้อกลับ ส่งผลให้ราคาพุ่งสวนทางขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม Bear Trap ไม่ได้เกิดจากเทรดเดอร์รายใหญ่เสมอไป แต่อาจเกิดจากความต้องการซื้อที่มากกว่าความต้องการขาย จนทำให้ราคาดีดตัวกลับสูงขึ้นเช่นกันได้ครับ
เทรดเดอร์สามารถสังเกต Bear Trap ได้จากลักษณะ ดังนี้
- ราคามีการทะลุแนวรับอยู่ระยะหนึ่ง แต่ไม่สามารถปรับตัวลงต่อได้
- ปริมาณการซื้อขายลดลง เมื่อราคาหลุดแนวรับสำคัญ
- สัญญาณจากอินดิเคเตอร์ (เช่น RSI หรือ MACD) แสดงสัญญาณการกลับตัว (Divergence) คือ ราคาลดลง แต่ค่าอินดิเคเตอร์ไม่ลดตาม และมีแนวโน้มกลับตัวขึ้นอีกด้วย
Bear Trap เป็นกลยุทธ์การเทรดที่ใช้ประโยชน์จากราคาสินทรัพย์ที่หลุดแนวรับแล้วกลับตัวดีดขึ้น ซึ่งเหมาะกับการเทรดแบบรอจังหวะกลับตัว (Reversal) โดยเทรดเดอร์ควรสังเกตราคา, ปริมาณการซื้อขาย และสัญญาณจาก Indicators เช่น RSI หรือ MACD เพื่อยืนยันว่าราคากำลังกลับตัวก่อน จึงค่อยเปิดออเดอร์ Buy และนอกจากนี้เทรดเดอร์ควรตั้ง Stop Loss และติดตามข่าวสารตลาดเสมอ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดทุนครับ
จากภาพกราฟ USD/JPY เทรดเดอร์จะเห็นได้ว่าราคามีการหลุดเส้นแนวรับที่ 146.189 ลงไปชั่วคราว ทำให้เทรดเดอร์หลายคนเข้าใจผิดว่าแนวโน้มจะปรับตัวลงต่อ แต่ราคาลงไปทดสอบแนวรับแล้วไม่สามารถลงต่อได้และราคากลับดีดขึ้นมา ซึ่งลักษณะนี้ถือว่าเป็นการเกิด Bear Trap
โดยทางทีมงาน Thaiforexreview ได้ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อช่วยยืนยันการเกิด Bear Trap ไม่ว่าจะเป็น RSI ที่แสดง Divergence เมื่อราคาทำ Lower Low แต่ค่า RSI กลับทำ Higher Low รวมถึงปริมาณการซื้อที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ราคากลับตัวขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณถึงแรงขายที่เริ่มลดลง ดังนั้น เมื่อเทรดเดอร์พบสัญญาณลักษณะนี้เทรดเดอร์ควรระวังการเปิดออเดอร์ Sell และอาจพิจารณาการเปิดออเดอร์ Buy แทนเมื่อมีการยืนยันสัญญาณการกลับตัวครับ
Bull Trap หรือ กับดักกระทิง คือ สถานการณ์ที่ราคาสินทรัพย์ทะลุผ่านแนวต้านสำคัญ แต่กลับร่วงลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เทรดเดอร์ที่เปิดออเดอร์ Buy ตอนราคาทะลุแนวต้านต้องขาดทุน ซึ่งสาเหตุหลักมักเกิดจากเทรดเดอร์รายใหญ่ที่เข้ามาดันราคาสินทรัพย์ให้หลุดแนวต้าน เพื่อล่อให้เทรดเดอร์รายย่อยเข้ามาเปิดออเดอร์ Buy ก่อนแล้วจึงเข้ามาขายคืน ส่งผลให้ราคาปรับตัวลงอย่างรุนแรงครับ
อย่างไรก็ตาม Bull Trap ไม่ได้เกิดจากเทรดเดอร์รายใหญ่เสมอไป แต่อาจเกิดจากความต้องการขายที่มากกว่าความต้องการซื้อ จนทำให้ราคาปรับตัวลดลงได้เช่นกันครับ
เทรดเดอร์สามารถสังเกต Bull Trap ได้จากลักษณะ ดังนี้
- ราคาทะลุแนวต้านขึ้นไป แต่ไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อได้
- ปริมาณการซื้อขายลดลง เมื่อราคาทะลุแนวต้านสำคัญ
- อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค (เช่น RSI หรือ MACD) แสดง Divergence คือ ราคาจะขึ้นต่อเนื่อง แต่ค่าอินดิเคเตอร์ไม่ขึ้นตามและยังมีแนวโน้มกลับตัวลงอีกด้วย
Bull Trap เป็นกลยุทธ์การเทรดที่ใช้ประโยชน์จากราคาสินทรัพย์ที่ทะลุแนวต้านแล้วกลับตัวลดลงมา ซึ่งเหมาะกับการเทรดแบบรอจังหวะกลับตัว (Reversal) โดยเทรดเดอร์ควรสังเกตราคาและปริมาณการซื้อขาย รวมทั้งสัญญาณจาก Indicators เช่น RSI, Stochastic หรือ MACD เพื่อยืนยันว่าราคากำลังกลับตัวก่อน จึงค่อยเปิดออเดอร์ Sell
นอกจากนี้เทรดเดอร์ควรหลีกเลี่ยงการเข้าออเดอร์ทันทีตามแนวรับแนวต้านและควรตั้ง Stop Loss รวมทั้งติดตามข่าวสารตลาดเสมอเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดทุนครับ
จากภาพกราฟ USD/JPY เทรดเดอร์จะเห็นได้ว่าราคามีการทะลุเส้นแนวต้านที่ 148.943 ขึ้นไปชั่วคราว ทำให้เทรดเดอร์หลายคนเข้าใจผิดว่าแนวโน้มจะขึ้นไปต่อ แต่ราคากลับไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านได้และเกิดการกลับตัวลงทันที ซึ่งลักษณะนี้ถือว่าเป็นการเกิด Bull Trap
โดยทางทีมงาน Thaiforexreview ได้ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อช่วยยืนยันการเกิด Bull Trap ไม่ว่าจะเป็น RSI ที่แสดง Divergence เมื่อราคาทำ Higher High แต่ค่า RSI กลับทำ Lower High รวมถึงปริมาณการซื้อที่ลดลงในขณะที่ราคาทำ High ใหม่ ซึ่งเป็นสัญญาณถึงแรงซื้อที่อ่อนแรงลง ดังนั้น เมื่อพบสัญญาณลักษณะนี้เทรดเดอร์ควรระวังการเปิดออเดอร์ Buy และอาจพิจารณาการเปิดออเดอร์ Sell แทนเมื่อมีการยืนยันสัญญาณการกลับตัวครับ
Bear trap และ Bull trap มีลักษณะที่ส่งสัญญาณหลอกคล้ายกัน ที่จะทำให้เทรดเดอร์เข้าใจผิดว่าราคาจะมีการปรับตัวขึ้นหรือลงอย่างต่อเนื่อง แต่จริง ๆ เป็นเพียงแค่กับดักที่จะทำให้เทรดเดอร์ไปผิดทางครับ
Bear Trap | VS | Bull Trap |
ราคาหลุดแนวรับชั่วคราว แต่ดีดกลับขึ้นมาในภายหลัง | ตำแหน่งการเกิดสัญญาณ | ราคาทะลุแนวต้านชั่วคราว แต่ร่วงลงไปในภายหลัง |
เปิดออเดอร์ Sell | สัญญาณหลอกให้เปิดออเดอร์ | เปิดออเดอร์ Buy |
RSI , MACD และ Stochastic | อินดิเคเตอร์ที่ช่วยยืนยันสัญญาณ | RSI , MACD และ Stochastic |
ปริมาณซื้อ มักจะเพิ่มขึ้นตอนราคาลง | ปริมาณการซื้อขาย (Volume) | ปริมาณขาย มักจะเพิ่มขึ้นตอนราคาขึ้น |
รอสัญญาณการกลับตัวเพื่อเปิดออเดอร์ Buy | กลยุทธ์ที่เหมาะสม | รอสัญญาณการกลับตัวเพื่อเปิดออเดอร์ Sell |
ในตลาด Forex ที่มีความผันผวนสูง หากเทรดเดอร์ต้องการเทรดในช่วงนี้ เทรดเดอร์ควรระวังช่วง Bear Trap และ Bull Trap เพราะราคาในตลาดช่วงนั้นจะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและอาจทำให้ขาดทุนหรือโดนล้างพอร์ตได้ ดังนั้น ก่อนเข้าเทรดควรวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบและตั้งจุดขาดทุน (Stop Loss) ทุกครั้ง รวมถึงควรควบคุมขนาด Lot ให้เหมาะสมก่อนเข้าเทรด นอกจากนี้เทรดเดอร์ควรยืนยันสัญญาณของ Bear Trap และ Bull Trap ด้วยสัญญาณและเครื่องมือทางเทคนิค เช่น สัญญาณ Divergence, Volume หรืออินดิเคเตอร์อย่าง RSI, MACD และ Stochastic โดยเฉพาะในช่วงตลาด Sideways หรือก่อนข่าวสำคัญที่มักเกิด Bear Trap หรือ Bull Trap ซึ่งการรอสัญญาณกลับตัวยืนยันก่อนเปิด Buy หรือ Sell จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไรได้มากขึ้นครับ
Bear Trap คืออะไร?
🔎 Bear Trap คือ กับดักราคาที่ทำให้เทรดเดอร์คิดว่าราคาสินทรัพย์จะลง แต่ราคากลับปรับตัวขึ้น
Bull Trap คืออะไร?
🔎 Bull Trap คือ กับดักราคาที่ทำให้เทรดเดอร์คิดว่าราคาสินทรัพย์จะขึ้น แต่ราคากลับปรับตัวลง
Bear Trap กับ Bull Trap แตกต่างกันอย่างไร?
🔎 Bear Trap เป็นสัญญาณหลอกให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Sell ส่วน Bull Trap เป็นสัญญาณหลอกให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Buy
บทความที่เกี่ยวข้องกับ Bear Trap และ Bull Trap
- ตลาดกระทิง ตลาดหมี คืออะไร? ศึกสองสัตว์ที่บอกทิศทางการลงทุน
- Trend Line คืออะไร? เทคนิคการตีเส้นพื้นฐานสู่กลยุทธ์ทำกำไร
- Price Action คืออะไร? เทคนิคเทรดที่เทรดเดอร์ Forex ควรรู้
Bear Trap และ Bull Trap สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งจากการเคลื่อนไหวของเทรดเดอร์รายใหญ่และความต้องการซื้อหรือขายของเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ในตลาด โดย Bear Trap และ Bull Trap จะเป็นสัญญาณหลอกให้เทรดเดอร์คิดว่าราคาจะขึ้นหรือลงอย่างต่อเนื่อง จนอาจทำให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ไปผิดทิศทาง แต่หากเทรดเดอร์ต้องการเทรดช่วง Bear Trap หรือ Bull Trap เทรดเดอร์ควรวางแผนอย่างรอบคอบและตั้ง Stop Loss เพื่อลดความเสี่ยงที่จะโดนล้างพอร์ตครับ
นอกจากนี้ เทรดเดอร์ควรใช้เครื่องมือทางเทคนิคเพื่อตรวจสอบสัญญาณ พร้อมศึกษากลยุทธ์การเทรดและติดตามข่าวเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดและลดความเสี่ยงในการลงทุนครับ
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers
แนะนำโบรกเกอร์สำหรับคุณ
