List of content

    On Balance Volume คืออะไร? เครื่องมืออ่านเกมของตลาดแบบมือโปร


    On Balance Volume คืออะไร เครื่องมืออ่านเกมของตลาดแบบมือโปร

    ในการเทรด Forex หรือสินทรัพย์อื่น ๆ เทรดเดอร์มักมองหาเครื่องมือที่ช่วยบอกแรงซื้อแรงขายในตลาด เพื่อใช้วางแผนการลงทุนเพื่อหาจุดเข้าและออกให้แม่นยำขึ้น ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมก็คือ On Balance Volume (OBV) ที่ใช้วัดความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการซื้อขาย (Volume) กับการเคลื่อนไหวของราคา แต่เทรดเดอร์หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่า OBV คืออะไร? และ OBV ใช้อย่างไร? โดยในบทความนี้ ทีมงาน Thaiforexreview จะพาเทรดเดอร์ไปรู้จัก OBV ตั้งแต่พื้นฐานการคำนวณ ไปจนถึงการนำไปใช้งาน เพื่อให้เทรดเดอร์สามารถนำ OBV ไปประยุกต์ใช้กับกลยุทธ์การลงทุนของตัวเองได้อย่างมั่นใจครับ

     

    On Balance Volume คืออะไร?

    On Balance Volume คือ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้วัดแรงซื้อขายในตลาด โดยใช้การเปลี่ยนแปลงของปริมาณการซื้อขาย (Volume) กับการเปลี่ยนแปลงของราคาตลาด เพื่อวัดแรงซื้อขายและคาดการณ์ทิศทางราคา


    💭 โดยหลักการของ OBV คือ OBV จะเพิ่มขึ้นเมื่อราคาปิดสูงกว่าวันก่อนหน้าและ OBV จะลดลงเมื่อราคาปิดต่ำกว่าวันก่อนหน้า ดังนั้น การเคลื่อนไหวของ OBV จึงช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     

    ทำไม Volume ถึงสำคัญในการเทรด?

    Volume หรือปริมาณการซื้อขายมีความสำคัญอย่างมากในการเทรด เนื่องจากการรู้ถึงปริมาณการซื้อขายของตลาด จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์แนวโน้ม, ยืนยันแนวโน้มและวิเคราะห์จุดกลับตัวได้ เพื่อวางแผนการลงทุนและเลือกสินทรัพย์การลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดในช่วงเวลานั้นได้ดียิ่งขึ้น แต่หากเทรดเดอร์นำปริมาณการซื้อขาย (Volume) ไปใช้ควบคู่กับเครื่องมือทางเทคนิคต่าง ๆ ก็จะช่วยให้การตัดสินใจในการเทรดมีความแม่นยำมากขึ้นครับ

     

    การคำนวณ OBV

    การคำนวณ OBV ทำได้โดยการเปรียบเทียบราคาปิดของแท่งเทียนปัจจุบันกับแท่งเทียนก่อนหน้า แล้วนำปริมาณการซื้อขายมาบวกหรือลบกับค่า OBV ก่อนหน้า เนื่องจาก OBV เป็นตัวบ่งชี้แบบสะสม ซึ่งก็คือ ผลรวมคงที่ของปริมาณแรงซื้อและแรงขาย การคำนวณจึงเริ่มต้นด้วยราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้าครับ

    สูตรการคำนวณ OBV

    สูตรการคำนวณของ OBV สามารถคำนวณได้ทั้งหมด 3 สูตร ดังนี้

    • หากราคาปิดสูงกว่าราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า ให้นำปริมาณการซื้อขายมาบวกเพิ่ม

    OBV = OBV ก่อนหน้า + ปริมาณการซื้อขายปัจจุบัน

     

    • หากราคาปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า ให้นำปริมาณซื้อขายมาลบออก
    OBV = OBV ก่อนหน้า - ปริมาณการซื้อขายปัจจุบัน

     

    • หากราคาปิดเท่ากับแท่งเทียนก่อนหน้า ค่า OBV จะคงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
    OBV = OBV ก่อนหน้า (+0)

     

    ตัวอย่างการคำนวณ OBV

    💡 สมมติราคาปิดและปริมาณการซื้อขายในช่วง 5 วัน
    วันที่ 1 ราคาปิดเท่ากับ 20 ดอลลาร์ ปริมาณซื้อขาย 21,000
    วันที่ 2 ราคาปิดเท่ากับ 21 ดอลลาร์ ปริมาณซื้อขาย 25,000
    วันที่ 3 ราคาปิดเท่ากับ 23 ดอลลาร์ ปริมาณซื้อขาย 24,200
    วันที่ 4 ราคาปิดเท่ากับ 23 ดอลลาร์ ปริมาณซื้อขาย 23,900
    วันที่ 5 ราคาปิดเท่ากับ 22 ดอลลาร์ ปริมาณซื้อขาย 26,100

    การคำนวณค่า OBV

    วันที่ 1 OBV = 0
    วันที่ 2 OBV = 0 + 25,000 = 25,000
    วันที่ 3 OBV = 25,000 + 24,200 = 49,200
    วันที่ 4 OBV = 49,200
    วันที่ 5 OBV = 49,200 - 26,100 = 23,100 


    อย่างที่เทรดเดอร์สังเกตเห็นในวันที่ 2 และ 3 ราคาปิดปรับตัวสูงขึ้น จึงต้องนำปริมาณการซื้อขายของแต่ละวันมาบวกเข้าไปในค่า OBV ส่วนในวันที่ 4 ราคาปิดไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากวันที่ 3 ทำให้ค่า OBV ยังคงเท่ากับวันที่ 3 จากนั้นในวันที่ 5 ราคาปิดลดลง จึงนำค่า OBV เดิม (วันที่ 4) มาหักลบกับปริมาณการซื้อขายของวันนั้น

     

    OBV Indicator ใช้ยังไง?

    OBV เป็นอินดิเคเตอร์ที่บอกปริมาณการซื้อขาย (Volume Indicators) ที่ช่วยวิเคราะห์แรงซื้อขายสะสมในตลาด ทำให้เทรดเดอร์สามารถใช้ประกอบการตัดสินใจในการลงทุนได้ เนื่องจาก OBV ช่วยในการยืนยันแนวโน้มและบอกถึงสัญญาณจุดกลับตัว (Divergence)

    ใช้ OBV ยืนยันแนวโน้ม

    ปริมาณการซื้อขายสามารถนำมาใช้บอกความแข็งแกร่งของแนวโน้มได้ โดยแนวโน้มที่แข็งแกร่งไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลงจะมีการยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขายที่สูง นั่นหมายความว่าแม้ราคาจะสูงขึ้นขนาดไหนก็ยังมีเทรดเดอร์ที่ยินดีจะซื้อในราคาที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับช่วงตลาดขาลงที่แม้ราคาจะปรับตัวลงก็ยังมีเทรดเดอร์ที่พร้อมจะขายมากขึ้น ดังนั้น เมื่อ OBV เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับราคา จะถือว่าเป็นการยืนยันแนวโน้มของตลาดได้

    OBV ยืนยันแนวโน้มขาขึ้น

    ในการยืนยันแนวโน้มขาขึ้น เทรดเดอร์สามารถดูได้จากที่ราคาและ OBV มีแนวโน้มไปในทิศทางขาขึ้นเหมือนกัน ด้วยการทำ High ใหม่พร้อมกัน

    On Balance Volume (OBV) ที่ยืนยันแนวโน้มตลาดขาขึ้น

    OBV ยืนยันแนวโน้มขาลง

    ในการยืนยันแนวโน้มขาลง เทรดเดอร์สามารถดูได้จากราคาและ OBV มีแนวโน้มไปในทิศทางขาลงเหมือนกัน ด้วยการทำ Low ใหม่พร้อมกัน

    On Balance Volume (OBV) ที่ยืนยันแนวโน้มตลาดขาลง

     

    ใช้ OBV หาสัญญาณ Divergence

    OBV สามารถบอกถึงสัญญาณ Divergence ได้ เมื่อทิศทางของราคาและ OBV (ปริมาณการซื้อขายสะสม) ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน 

    ตัวอย่างเช่น หากราคายังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ OBV กลับไม่ปรับลดลงตาม นั่นแสดงว่าแรงขายเริ่มอ่อนลงและมีแรงซื้อสะสมเข้ามา แม้ราคายังลดลงอยู่ก็ตาม นั่นอาจเป็นสัญญาณ Divergence ที่เตือนว่าแนวโน้มขาลงเริ่มไม่เสถียรและมีโอกาสเกิดการกลับตัวขึ้นครับ

    On Balance Volume (OBV) หาสัญญาณ Divergence

     

    ประยุกต์ใช้ OBV คู่กับ Indicator อื่น

    การใช้ OBV แค่ตัวเดียวเพื่อวางแผนการลงทุนนั้น อาจทำให้เกิดการคลาดเคลื่อนหรือเกิดสัญญาณหลอกได้ เนื่องจากตัวอินดิเคเตอร์คำนวณมาจากปริมาณการซื้อขายเพียงอย่างเดียว ดังนั้น เทรดเดอร์ควรนำอินดิเคเตอร์ตัวอื่นมาใช้ร่วมด้วย เพื่อช่วยเพิ่มความแม่นยำในการหาจุดเข้าและออกได้ครับ

     

    OBV กับ Moving Average (MA)

    การเทรดโดยใช้ OBV ร่วมกับ Moving Average (MA) คือ การหาจุดกลับตัวของแนวโน้มราคา โดยเริ่มจากการหาสัญญาณ Divergence ระหว่าง OBV กับราคา เพื่อคาดการณ์แนวโน้มที่อาจเปลี่ยนแปลง จากนั้นใช้การ Breakout ของเส้น MA เป็นเครื่องมือยืนยันว่าราคาได้เปลี่ยนทิศทางจริง

    ใช้ On Balance Volume (OBV) ร่วมกับ MA


    จากตัวอย่าง
    เทรดเดอร์จะสังเกตเห็นสัญญาณ Divergence ที่เตือนว่าแนวโน้มขาลงเริ่มไม่เสถียร และเพื่อยืนยันสัญญาณการกลับตัวจึงใช้เส้นค่าเฉลี่ย (MA) ร่วมด้วย โดยยืนยันแนวโน้มเมื่อราคาทำ Breakout ผ่านเส้น MA ระยะสั้น (MA 7) และ MA ระยะกลาง (MA 25) ได้ครับ

    อย่างไรก็ตาม หากต้องการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจนและเพิ่มความแม่นยำขึ้น เทรดเดอร์อาจจะต้องรอให้ราคาทะลุเส้น MA ระยะยาว (MA 99) ก่อนแล้วจึงค่อยเปิดออเดอร์ครับ

     

    OBV กับ RSI

    การเทรดโดยใช้ OBV ร่วมกับ RSI คือ การหาจังหวะในการเข้าซื้อขายระยะสั้น โดยจะเน้นการดูสัญญาณที่สอดคล้องกันจากทั้งสองอินดิเคเตอร์ หาก OBV แสดงการสะสมของปริมาณการซื้อ (เช่น ค่า OBV เพิ่มขึ้น) ขณะเดียวกัน RSI ฟื้นตัวขึ้นจากบริเวณ Oversold (ต่ำกว่า 30) นั่นอาจเป็นสัญญาณยืนยันว่ากำลังเป็นแนวโน้มขาขึ้นและเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการเปิดออเดอร์ Buy ครับ

    ใช้ On Balance Volume (OBV) ร่วมกับ RSI

     

    ข้อดีและข้อจำกัดของ OBV

     

    ข้อดีของ OBV

    ข้อจำกัดของ OBV

    • การยืนยันแนวโน้มอย่างมีประสิทธิภาพ OBV ให้มุมมองที่แตกต่างกับอินดิเคเตอร์อื่น โดยการผสานระหว่าง ข้อมูลปริมาณการซื้อขาย เข้ากับ แนวโน้มราคา ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการยืนยันแนวโน้ม

    • การจับสัญญาณ Divergence ได้ OBV สามารถตรวจจับความแตกต่างระหว่างราคาและปริมาณได้ ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถรู้ถึงจุดกลับตัวของแนวโน้ม

    • สัญญาณเตือนล่วงหน้าของตลาด OBV สามารถทำหน้าที่เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในตลาด โดยดูที่ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณและราคาได้

    • การผสานกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ เมื่อนำ OBV มาใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น เช่น RSI หรือ Moving Average จะช่วยเสริมความแม่นยำของสัญญาณได้

    • การส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มล่าช้า OBV มักส่งสัญญาณหลังจากราคามีการปรับตัวไปแล้ว ซึ่งอาจทำให้บางครั้งพลาดจุดเข้าซื้อขายที่ดีที่สุด

    • เกิดสัญญาณหลอก (False Signals) OBV อาจส่งสัญญาณที่ไม่สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของราคาในบางช่วงเวลา โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มที่ไม่ชัดเจน ทำให้เกิดสัญญาณหลอกที่อาจทำให้ตัดสินใจซื้อขายผิดพลาด

    • ต้องใช้ร่วมกับปัจจัยอื่นในการยืนยันสัญญาณ ไม่ควรใช้ OBV เพียงตัวเดียวในการตัดสินใจเข้าซื้อขาย ควรใช้ร่วมกับปัจจัยหรืออินดิเคเตอร์อื่น ๆ เช่น แนวโน้มราคา, ข่าวสารทางเศรษฐกิจ หรืออินดิเคเตอร์อื่น ๆ อย่าง RSI เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดความเสี่ยงจากการเข้าซื้อขายผิดจังหวะ

    • ไม่ส่งสัญญาณกลับตัวเสมอไป แม้ OBV จะสามารถบอกสัญญาณกลับตัว (Divergence) ได้ แต่ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้มได้อย่างชัดเจนเสมอไป จึงควรใช่ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นเพื่อยืนยันแนวโน้ม

     

    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ On Balance Volume (OBV)

    🔶 OBV ใช้กับสินทรัพย์ใดได้บ้าง?

    สามารถใช้กับสินทรัพย์ได้หลากหลาย เช่น หุ้น, ดัชนี, คริปโต, ฟอเร็กซ์ และสินค้าโภคภัณฑ์

    🔶 OBV ต่างจาก Volume ทั่วไปอย่างไร?

    Volume ทั่วไปจะแสดงปริมาณการซื้อขายอย่างเดียว แต่ OBV ใช้ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ในการคำนวณแบบสะสมตามทิศทางราคา ซึ่งจะทำให้สามารถบอกถึงแนวโน้มตลาดได้

    🔶 OBV ใช้กับตลาด Sideway ดีไหม?

    OBV ไม่ค่อยเหมาะกับในช่วงตลาด Sideway เนื่องจาก OBV จะเคลื่อนไหวแบบแบนราบเมื่อราคามีแนวโน้มที่ไม่ชัดเจน ดังนั้น OBV จึงเหมาะกับตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน

    🔶 OBV ย่อมาจากอะไร?

    OBV ย่อมาจาก On Balance Volume ที่เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยยืนยันแนวโน้มของตลาด

     

    สรุป On Balance Volume (OBV)

    On Balance Volume เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถยืนยันแนวโน้มของตลาดและระบุถึงสัญญาณกลับตัวได้ โดยใช้การเปลี่ยนแปลงของปริมาณซื้อขายกับราคาในการวิเคราะห์ 

    อย่างไรก็ตาม OBV จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเมื่อใช้งานร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ เนื่องจากสามารถช่วยลดความผิดพลาดจากการให้สัญญาณหลอกของ OBV ที่อาจเกิดขึ้นได้ครับ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ เทรดเดอร์ควรศึกษาความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับตลาด รวมถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาด และการเลือกใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เหมาะสมกับแผนการลงทุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจลงทุนและลดความเสี่ยงจากการลงทุนครับ


     

    ⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

     

    หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม

    สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com

    ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview

    ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis

    อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs

    อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers

     

    forex

    แนะนำโบรกเกอร์สำหรับคุณ

    tfn
    ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย

    Thaiforexreview.com จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ
    ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์โบรกเกอร์ Forex ข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน และการวิเคราะห์เป็นความคิดเห็น ของ Thaiforexreview.com ไม่มีการการันตีใด ๆ

    การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex มีความเสี่ยงสูง ก่อนตัดสินใจซื้อขาย Forex หรือใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เรามุ่งเน้นเพื่อเสนอข้อมูล ที่สำคัญเกี่ยวกับโบรกเกอร์ทั้งหมดที่เราตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด

    ความรู้ Forex

    Forex

    Gold

    Beginner

    Investing

    ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย

    Thaiforexreview.com จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ
    ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์โบรกเกอร์ Forex ข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน และการวิเคราะห์เป็นความคิดเห็น ของ Thaiforexreview.com ไม่มีการการันตีใด ๆ

    การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex มีความเสี่ยงสูง ก่อนตัดสินใจซื้อขาย Forex หรือใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เรามุ่งเน้นเพื่อเสนอข้อมูล ที่สำคัญเกี่ยวกับโบรกเกอร์ทั้งหมดที่เราตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด

    © Copyright Thaiforexreview 2023. All rights reserved