QE และ QT คืออะไร? ช่วยแก้วิกฤตเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้อย่างไร?

ในวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ผ่านมา ธนาคารกลางทั่วโลกจะต้องพยายามผ่านวิกฤตเศรษฐกิจไปให้ได้ โดยธนาคารกลางมักใช้เครื่องมือนโยบายทางการเงิน เพื่อจัดการวิกฤตและรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่มักถูกนำมาใช้ คือ QE และ QT ซึ่งทั้งสองเครื่องมือนี้เป็นนโยบายเกี่ยวกับการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มหรือลดสภาพคล่องในระบบและควบคุมเงินเฟ้อเงินฝืดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยบทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลที่เทรดเดอร์ควรรู้เกี่ยวกับ QE และ QT ไว้อย่างครบถ้วน เพื่อให้เทรดเดอร์เข้าใจวิธีการทำงานและผลกระทบของเครื่องมือนโยบายการเงินเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนครับ
QE (Quantitative Easing) คือ นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเชิงปริมาณ ที่เป็นเครื่องมือนโยบายทางการเงินรูปแบบพิเศษ ที่จะเพิ่มสภาพคล่องและปริมาณเงินในระบบด้วยการซื้อสินทรัพย์ทางการเงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งนโยบายการเงินนี้จะถูกนำมาใช้ในช่วงที่ไม่สามารถใช้การลดอัตราดอกเบี้ยได้หรือการลดอัตราดอกเบี้ยไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้
- การกระตุ้นเศรษฐกิจ การเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบของ QE จะทำให้สถาบันการเงินมีสภาพคล่องมากขึ้น จึงสามารถปล่อยสินเชื่อให้แก่นักลงทุนหรือนักธุรกิจรายย่อยได้ ส่งผลให้เกิดการลงทุนและการใช้จ่ายในเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น
- ป้องกันภาวะเงินฝืด การเพิ่มเงินเข้าระบบจะช่วยให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้นและช่วยให้ประชาชนใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการไม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดครับ
นโยบายการเงิน QE ทำงานโดยที่ธนาคารกลางจะเพิ่มปริมาณเงินหรือสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการซื้อสินทรัพย์ทางการเงินระยะยาวที่สถาบันการเงินนำมาฝากกับธนาคารกลาง เช่น พันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนในปริมาณมาก เมื่อธนาคารกลางซื้อสินทรัพย์จากสถาบันการเงิน จะทำให้สถาบันการเงินมีสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้น ทำให้สามารถปล่อยสินเชื่อให้กับนักลงทุนหรือนักธุรกิจรายย่อยได้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยลดลง เพราะมีเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลงจะลดต้นทุนการกู้ยืม ทำให้กระตุ้นการลงทุนและการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจได้
นอกจากนี้ การซื้อสินทรัพย์จำนวนมากของธนาคารกลางยังช่วยเพิ่มราคาสินทรัพย์ทางการเงินนั้นให้สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้ถือสินทรัพย์เหล่านั้นมีกำไรและเกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในระบบเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม การ QE เป็นเวลานานอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและส่งผลให้ค่าเงินอ่อนค่าลงในระยะยาว รวมถึงทำให้งบดุลของธนาคารกลางขยายตัวอย่างมาก
QT (Quantitative Tightening) คือ นโยบายการเงินแบบตึงตัวเชิงปริมาณ ที่เป็นเครื่องมือนโยบายทางการเงินที่จะลดสภาพคล่องและลดปริมาณเงินในระบบด้วยการปล่อยให้ตราสารที่รัฐบาลถือครองอยู่ครบกำหนดโดยไม่ซื้อเพิ่มหรือขายสินทรัพย์ที่เคยซื้อในช่วง QE ซึ่งนโยบายการเงินนี้มักจะถูกใช้หลังจากใช้นโยบาย QE เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อจากการอัดฉีดเงินเข้าระบบ
- ชะลอเศรษฐกิจ การลดปริมาณเงินในระบบของ QT จะช่วยชะลอเศรษฐกิจลดได้ เนื่องจากสถาบันการเงินมีสภาพคล่องลดลง ทำให้ปล่อยสินเชื่อยากขึ้นหรือเพิ่มดอกเบี้ยสูงขึ้น ส่งผลให้การลงทุนและการใช้จ่ายในเศรษฐกิจลดลง
- ควบคุมเงินเฟ้อ การลดปริมาณเงินในระบบจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบลดลง ซึ่งจะทำให้ประชาชนใช้จ่ายลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการไม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู้ภาวะเงินเฟ้อครับ
นโยบายการเงิน QT ทำงานโดยที่ธนาคารกลางจะลดปริมาณเงินหรือลดสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจผ่านการขายสินทรัพย์ทางการเงินให้กับสถาบันการเงิน เพื่อที่จะดึงเงินสำรองของสถาบันการเงินที่ถือครองอยู่ออกจากระบบ หรืออีกหนึ่งการลดปริมาณเงินในระบบคือการปล่อยให้ตราสารที่รัฐบาลถือครองอยู่หมดอายุลงแล้วไม่ทำการซื้อตราสารเพิ่ม ซึ่งการทำงานของ QT จะส่งผลให้สถาบันการเงินมีสภาพคล่องลดลง ทำให้ปล่อยสินเชื่อให้แก่นักลงทุนหรือนักธุรกิจรายย่อยลดลง นักลงทุนจึงชะลอการกู้ยืมเพื่อไปลงทุนหรือใช้จ่ายลง
นอกจากนี้ QT ยังส่งผลให้นักลงทุนมีความต้องการลงทุนในตลาดหุ้นลดลง เพราะต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นทำให้บริษัทต่าง ๆ ลดการลงทุน ส่งผลให้กำไรและผลตอบแทนต่อหุ้นลดลง ราคาหุ้นจึงปรับตัวลดลงตามไปด้วย อีกทั้ง QT ยังทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นดึงดูดเงินทุนต่างชาติ
FED (ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา) มีหน้าที่สำคัญในการควบคุมและดูแลเสถียรภาพของระบบการเงิน รวมถึงการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ โดยหนึ่งในเครื่องมือนโยบายทางการเงินที่ FED ใช้ในการแก้วิกฤตเศรษฐกิจก็คือ QE และ QT
โดยการใช้ QE ของสหรัฐอเมริกาใช้ในช่วงที่เศรษฐกิจเกิดวิกฤตขึ้น อย่างเช่น วิกฤตการเงินปี 2008 หรือช่วงโควิด-19 ซึ่ง FED จะทำการพิมพ์เงินเพิ่มขึ้นแล้วนำเงินสำรองไปซื้อสินทรัพย์ทางการเงินจำนวนมาก เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจ ในขณะที่ QT จะถูกนำมาใช้ในภาวะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วและเริ่มมีอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นจากการทำ QE เพื่อดูดเงินออกจากระบบและควบคุมเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ การดำเนิน QE หรือ QT โดย FED มักจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินทั่วโลกอย่างมาก ดังที่เคยเห็นจากการประกาศของ เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธาน FED ในแต่ละครั้ง ก็สามารถสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้น, ตลาด Forex และ Cryptocurrency ครับ
♦️ QE ย่อมาจากอะไร?
QE ย่อมาจาก Quantitative Easing ซึ่งหมายถึง นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเชิงปริมาณ ที่ธนาคารกลางใช้เพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ
♦️ QT ย่อมาจากอะไร?
QT ย่อมาจาก Quantitative Tightening ซึ่งหมายถึง นโยบายการเงินแบบตึงตัวเชิงปริมาณ ที่ธนาคารกลางใช้เพื่อลดสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ
♦️ QE หรือ QT ส่งผลต่อค่าเงินอย่างไร?
- QE มักจะทำให้ค่าเงินอ่อนลง เพราะมีการเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบ
- QT มักจะทำให้ค่าเงินแข็งขึ้น เพราะมีการดูดเงินออกจากระบบ
นโยบาย QE และ QT เป็นเครื่องมือทางนโยบายการเงินที่ใช้เพื่อรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจ โดย QE คือ นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่เพิ่มสภาพคล่องหรือปริมาณเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นการลงทุนและการใช้จ่ายในระบบให้มากยิ่งขึ้น ในขณะที่ QT เป็นนโยบายที่ใช้หลังจาก QE โดยมีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณเงินในระบบและควบคุมเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเหล่านี้ นักลงทุนควรพิจารณาสภาวะเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้นก่อนลงทุน รวมถึงศึกษาปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการลงทุน เพื่อเลือกลงทุนในตลาดหรือสินทรัพย์ที่เหมาะสม ที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้ครับ
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers
แนะนำโบรกเกอร์สำหรับคุณ
