รูปแบบของ Stop Loss

นอกจากการจัดการพอร์ตการลงทุนให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการลงทุนแล้ว ยังมีอีกหนึ่งวิธีนั่นก็คือการใช้ Stop Loss หรือจุดตัดขาดทุน ที่จะสามารถช่วยปกป้องเงินทุนของเราได้นั่นเองครับ การใช้ Stop Loss สำคัญมากกับเทรดเดอร์ทุกคน ซึ่งมีเหตุผลมากมายที่เราควรใช้ Stop Loss ในพอร์ตของเรา เพราะตลาดสามารถผันผวนได้ตลอดเวลา หากเวลาเราหลับแล้วเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เช่น ราคาอาจลงมามากจนพอร์ตเราแตกไปเลยก็ได้ ถ้าหากเราไม่ตั้ง Stop Loss ไว้ ซึ่ง Stop Loss นั้นมีอยู่หลายรูปเเบบ สำหรับบทความนี้ผมจะพูดถึงรูปแบบของ Stop Loss ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และการลงทุนที่แตกต่างกันออกไปครับ

Volatility Stop

เป็น Stop Loss ในรูปแบบของการรักษากำไรที่เกิดขึ้นไว้ โดยจะนำความผันผวนของราคามาช่วยในการตัดสินใจ ด้วยวิธีเคลื่อนจุดตัดขาดทุนไปตามแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคา เช่น หุ้นที่เราซื้อมีราคาวิ่งไปตามแนวโน้มที่เราคาดการณ์ไว้ แต่ตามธรรมชาติความผันผวนเกิดขึ้นอยู่เสมอ ดังนั้นจึงกำหนดจุดขายไว้ เพื่อรักษากำไรที่เกิดขึ้น โดยจะใช้ร่วมกับเครื่องมือ ATR (Average True Range) เป็นเครื่องมือที่ช่วยระบุระยะของความผันผวนในช่วงเวลาที่กำหนด ทำให้เราสามารถคาดการณ์ได้ว่าราคาของหุ้นนั้นมีโอกาสจะแกว่งตัวขึ้นลงในช่วงประมาณไหนนั่นเองครับ

Percentage Stop

คือการกำหนดว่าเราจะยอมขาดทุนกี่ % ของเงินทุนที่ลงไป การใช้ Stop Loss รูปแบบนี้จะช่วยให้เราทราบว่าการซื้อหุ้นในแต่ละครั้งมีความเสี่ยงสูงสุดเท่าไหร่ ทำให้เราบริหารจัดการเงินทุนได้ง่ายขึ้นครับ

Time Stop

ใช้ในสภาวะตลาดแบบ Sideway คือ เวลาที่ราคาหุ้นไม่ไปตามแนวโน้มที่เราต้องการ แต่ก็ไม่ได้ปรับตัวลงจนถึงตัดขาดทุน เราจะเสียโอกาสในการลงทุน เพราะการถือหุ้นที่ไม่ขยับไปไหนเท่ากับว่าเราต้องเสียเวลาในการถือหุ้นนั้นไปเรื่อยๆ เป็นวิธีการตัดขาดทุนที่อ้างอิงจากเวลาเป็นหลัก ดังนั้นการใช้ Stop Loss ในรูปเเบบนี้ จะช่วยป้องกันการสูญเสียโอกาสในเวลาที่หุ้นไม่ขยับครับ

Chart Stop

จะใช้แนวรับเป็นจุดในการตัดขาดทุน กำหนดจากจุดราคาที่มีการย้ำซ้ำๆ จนเราสังเกตเห็นได้ว่าเป็นจุดที่ราคามักจะกลับทิศ หากราคาปรับตัวลงไปตามจุดนี้เราก็จะขายตัดขาดทุนออกไปนั่นเองครับ

นี่เป็นรูปแบบของการใช้ Stop Loss ในสภานการณ์ต่างๆ ที่ผมได้ทำการรวบรวมเพื่อเป็นความรู้ให้ทุกคนครับ หากคุณนำไปปรับใช้ในพอร์ตของคุณแล้วล่ะก็ โอกาสที่พอร์ตจะแตกนั้นแทบจะกลายเป็นศูนย์เลยแหละครับ และอาจมีเปอร์เซ็นในการทำกำไรที่สูงขึ้นด้วย ยังไงก็ลองนำไปปรับใช้ให้เข้ากับการลงทุนของคุณดูนะครับ