List of content
วิธีการวิเคราะห์กราฟเพื่อทำกำไรในตลาด Forex มีอยู่มากมายหลายวิธี แต่วิธีการที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน คงจะหนีไม่พ้นวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ซึ่งในวันนี้จะมาพูดถึงอินดิเคเตอร์ตัวหนึ่งที่จะช่วยให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่าง RSI Indicator เครื่องมือที่จะทำให้รู้ปริมาณการซื้อของตลาด จะมีวิธีการใช้อย่างไรสามารถติดตามได้ในบทความนี้
RSI ย่อมาจาก Relative Strength Index เป็นอินดิเคเตอร์ประเภท Oscillator ที่ใช้ในการดูแรงซื้อขายของสินทรัพย์ในตลาด โดยจะมีการคำนวณจากราคาสินทรัพย์ 14 วันย้อนหลัง ซึ่งจะใช้ตัวเลขระหว่าง 0-100 ในการวัดระดับแรงซื้อขาย แต่ปกติแล้วจะได้เห็นกราฟวิ่งไปมาระหว่าง 10-90 เท่านั้น สามารถบอกถึงจุดกลับตัวได้จากสัญญาณ Overbought/Oversold และ Divergence
Overbought | ภาวะการซื้อที่มากเกินไป เมื่อตัวเลข RSI ขึ้นไปเหนือระดับ 70 จะถือว่าราคาเกิดภาวะ Overbought และอาจจะเกิดการกลับตัวลงไปได้ |
Oversold | ภาวะการขายที่มากเกินไป เมื่อตัวเลข RSI ลงไปต่ำกว่าระดับ 30 จะถือว่าราคาเกิดภาวะ Oversold และอาจจะเกิดการกลับตัวขึ้นไปได้ |
เทรดเดอร์สามารถคำนวณ RSI ได้จากสูตรดังต่อไปนี้ครับ
หลังจากคำนวณได้แล้วให้นำผลลัพธ์มาปรับเป็นร้อยละ ซึ่งสามารถคำนวณได้จาก RSI = 100 - (100 /1 + RS) ครับ
นอกจากการอ่านค่า Overbought และ Oversold แล้ว RSI ยังสามารถที่จะใช้ดูในสัญญาณ Divergence ได้เช่นกัน
การดูสัญญาณ Divergence สามารถที่จะแบ่งออกได้เป็น 4 รูปแบบ ดังนี้
Bullish Divergence คือ การเคลื่อนของกราฟราคามีการเคลื่อนตัวลดลง แต่ RSI มีการเคลื่อนตัวขึ้นสวนทางกันกับกราฟราคา แสดงให้เห็นแรงการซื้อที่เพิ่มขึ้นและมีโอกาสเปลี่ยนขาขึ้นในอนาคต
Bearish Divergence คือ การเคลื่อนของกราฟราคามีการเคลื่อนตัวเพิ่มขึ้น แต่ RSI มีการเคลื่อนตัวลดลงสวนทางกันกับกราฟราคา แสดงให้เห็นแรงการซื้อที่มากและมีโอกาสเปลี่ยนเป็นขาลงในอนาคต
Hidden Bullish Divergence คือ การเคลื่อนที่ของกราฟราคามีการสร้าง High ที่สูงขึ้น แต่ RSI กลับเคลื่อนตัวสร้าง Low ที่ต่ำกว่าเดิม แสดงให้เห็นถึงการขัดแย้งกันของราคากับอินดิเคเตอร์ที่บ่งบอกว่า ราคาจะมีการขึ้นไปต่อ
Hidden Bearish Divergence คือ การเคลื่อนที่ของกราฟราคามีการสร้าง High ที่สูงต่ำลง แต่ RSI กลับเคลื่อนตัวสร้าง High ที่สูงกว่าเดิม แสดงให้เห็นถึงการขัดแย้งกันของราคากับอินดิเคเตอร์ที่บ่งบอกว่า ราคาจะมีการลงไปต่อ
อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่า RSI นั้นเป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้ในการวัดแรงซื้อขาย สามารถที่จะใช้ดูได้ทั้งสัญญาณ Overbought Oversold และ Divergence โดยสองสิ่งนี้ เราสามารถที่จะนำมาประยุกต์รวมกันเพื่อหาจุดเข้าได้ ดังนี้
ตัวอย่างกราฟ XAU/USD 1h, RSI (14)
จากตัวอย่างกราฟ XAU/USD จะสังเกตได้ว่ากราฟได้เกิดสัญญาณ Overbought และ Bearish Divergence ขึ้น จากการที่ราคามีการยกตัวสูงขึ้น แต่อินดิเคเตอร์ RSI กลับแสดงสัญญาณว่าแรงการซื้อเริ่มลดตัวลง เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเป็นขาลงในอนาคต และหากต้องการที่จะยืนยันว่าราคานั้นพร้อมที่จะกลับตัวลงแล้ว ให้เทรดเดอร์หาตัวช่วยยืนยันการกลับตัว 3 ประการ ดังนี้
3 ข้อที่ได้กล่าวไปนั้นเป็นจุดสังเกตเบื้องต้นที่จะทำให้เทรดเดอร์สามารถตรวจสอบได้ว่า ราคาจะเกิดการกลับตัวจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ยังส่งผลให้กราฟเกิดความผันผวน ถึงแม้ว่ากราฟจะฟอร์มตัวว่าจะกลับตัว แต่เมื่อถึงเวลาข่าวออก การฟอร์มตัวดังกล่าวนั้นอาจจะไม่มีผลกับการกลับตัวของกราฟเลยก็เป็นได้
บทความที่เกี่ยวข้องกับ RSI
Moving Average (MA) คืออะไร? อินดิเคเตอร์พื้นฐานที่เทรดเดอร์มือใหม่ควรรู้
Bollinger Bands คืออะไร? ใช้วิเคราะห์อย่างไรในตลาด Forex
อินดิเคเตอร์ MACD คืออะไร ใช้เทรด Forex อย่างไร
Ichimoku Kinko Hyo อินดิเคเตอร์ที่สายรันเทรนด์ไม่ควรพลาด !
ในการเทรดด้วย RSI เทรดเดอร์มือใหม่ที่เข้ามาในตลาด Forex ส่วนมากมักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้ RSI อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเทรดเดอร์มือใหม่ควรที่จะพึงระวังข้อที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้
การที่กราฟเกิดสัญญาณ Overbought/Oversold ไม่ได้เป็นสัญญาณที่บอกว่ากราฟจะกลับตัว หลายครั้งที่เทรดเดอร์มือใหม่ทำการเทรดเมื่อราคาเกิด OB/OS และขาดทุนเนื่องจากว่าราคาไม่ได้กลับตัวอย่างที่หวัง
ต้องบอกก่อน Divergence เป็นสัญญาณการกลับตัวที่แทบจะแม่นยำมากที่สุดแล้ว แต่ในหลาย ๆ ครั้งที่กราฟเกิดสัญญาณ Divergence แต่ไม่ได้กลับตัวตามสัญญาณ เนื่องจากว่ามีปัจจัยอื่น ๆ มาแทรกเช่น ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เป็นต้น
|
|
|
|
► สามารถดูได้ในหน้าต่าง Indicator ของ RSI ในแพลตฟอร์มการเทรดของคุณไม่ว่าจะเป็น MT4/MT5 หรือว่า TradingView
► ค่าที่เหมาะสมกับการตั้งค่า RSI ที่ใช้บอกจังหวะการเทรดควรจะมีค่า 14 ซึ่งเป็นค่าเดิมของ RSI เนื่องจากตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของราคาได้ดีอยู่แล้ว
► RSI ย่อมาจาก Relative Strength Index แปลว่า ดัชนีวัดค่าความแข็งแแกร่งของความสัมพัทธ์
RSI หรือ Relative Strength Index เป็นอินดิเคเตอร์ประเภท Oscillator หรือการแกว่งตัวของราคา สามารถที่จะใช้ดูแรงการซื้อขายได้อย่างแม่นยำ โดยหากนำมาแปลงค่าออกมาจะได้เป็นสัญญาณ การซื้อที่มากเกินไป (Overbought) และการขายที่มากเกินไป (Oversold) อีกทั้งยังสามารถให้สัญญาณ Divergence ได้อีกด้วย ซึ่งถ้านำทั้ง 2 สัญญาณนั้นมาประยุกต์รวมกัน จะกลายเป็นจุดกลับที่มีประสิทธิภาพอย่างมากเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ด้วย RSI เพียงอย่างเดียวไม่อาจจะทำให้การเทรดมีประสิทธิภาพเท่าที่ควรจะเป็น เทรดเดอร์ควรที่จะศึกษาอินดิเคเตอร์ตัวอื่นและเทคนิคอื่น ๆ ที่สามารถใช้ร่วมกับ RSI ได้ เพื่อนำมายืนยันสัญญาณ และเพื่อวิเคราะห์หาจุดเข้าที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เช่น Price Action ช่วยในการวิเคราะห์แท่งเทียน, Chart Pattern ช่วยในการวิเคราะห์รูปแบบการกลับตัวหรือไปต่อของกราฟ เป็นต้น
Source : Traderbobo และ Gotradehere
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers
Thaiforexreview.com จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ
ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด
การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์โบรกเกอร์ Forex
ข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน และการวิเคราะห์เป็นความคิดเห็น
ของ Thaiforexreview.com ไม่มีการการันตีใด ๆ
การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex มีความเสี่ยงสูง ก่อนตัดสินใจซื้อขาย Forex
หรือใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน
ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เรามุ่งเน้นเพื่อเสนอข้อมูล
ที่สำคัญเกี่ยวกับโบรกเกอร์ทั้งหมดที่เราตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด