Chart Pattern คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไรกับการเทรด Forex


Chart Pattern คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไรกับการเทรด Forex

ในตลาด Forex เทรดเดอร์จะมีการพึ่งพากลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อที่จะอยู่รอดในตลาดให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการเทรดด้วยปัจจัยพื้นฐาน ปัจจัยด้านจิตวิทยาของราคา รวมไปถึงการใช้งานกลยุทธ์การเทรดด้วย Pattern Forex แต่ในวันนี้ทางทีมงาน Thaiforexreview จะพาทุกคนมารู้จักกับเทคนิคการวิเคราะห์ราคาด้วย Chart Pattern ว่าคืออะไร มีวิธีการใช้งาน และมีประโยชน์ต่อเทรดเดอร์อย่างไรในการเทรด Forex

 

Chart Pattern คืออะไร?

Chart Pattern หรือ Price Pattern คือ หนึ่งในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ “รูปแบบของกราฟ” ที่เกิดจากกราฟแท่งเทียนได้เรียงตัวกันจนเกิดเป็น “รูปแบบของกราฟ” โดยมีต้นกำเนิดจากการนำเส้น Trend Line มาลากใส่กราฟ และทำให้เห็นรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น 

Chart Pattern ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการคาดการณ์แนวโน้มของราคา โดยใช้หลักการของแนวรับ-แนวต้าน และพัฒนามาเป็นหนึ่งในเทคนิคการเทรดที่นิยมในกลุ่มเทรดเดอร์ทั่วโลก รูปแบบของ Chart Pattern มีความหลากหลายมาก แต่จะมีรูปแบบหลัก ๆ อยู่ 3 รูปแบบ ดังนี้ 

 

1. รูปแบบการกลับตัว (Reversal Patterns)

2. รูปแบบการไปต่อ (Continuation Patterns)

3. รูปแบบที่เป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง (Bilateral Patterns)

 

การวิเคราะห์กราฟยังมีวิธีและกลยุทธ์ในการวิเคราะห์อีกมากมายหลายวิธี โดย Chart Pattern ก็เป็นหนึ่งในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเช่นกัน หากเทรดเดอร์ต้องการเรียนรู้วิธีการวิเคราะห์ราคาทางเทคนิคอื่น ๆ เพิ่มเติม ที่จะช่วยให้การเทรดของเทรดเดอร์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถเข้าไปศึกษาบทความ "การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex"  เพิ่มเติมได้ ที่นี่

 

ตารางเปรียบเทียบประเภทของ Chart Patterns

 

ประเภทของ Chart Patterns

แนวโน้มที่คาดการณ์

รูปแบบการกลับตัว (Reversal Patterns)

  • หากเกิดขึ้นในโซนแนวรับ คาดการณ์ว่าราคาจะกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น

  • หากเกิดขึ้นในโซนแนวต้าน คาดการณ์กว่าราคาจะกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง

รูปแบบการไปต่อ (Continuation Patterns)

  • หากเกิดขึ้นในแนวโน้มขาขึ้น คาดการณ์ว่าราคาจะปรับสูงขึ้นอีก ในทิศทางเดิม

  • หากเกิดขึ้นในแนวโน้มขาลง คาดการณ์ว่าราคาจะปรับต่ำลงอีก ในทิศทางเดิม

รูปแบบที่เป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง (Bilateral Patterns)

  • การพักตัวของราคาซื้อขาย โดยราคามีแนวโน้มไปได้ทั้ง 2 ทาง ส่วนใหญ่มักจะเป็น Chart Pattern รูปแบบสามเหลี่ยม

 

รูปแบบที่สำคัญของ Chart Pattern

จากที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า Chart Pattern มีการแบ่งออกมาเป็น 3 รูปแบบหลัก ๆ คราวนี้เราจะมาบอกลักษณะที่สำคัญของแต่ละรูปแบบว่ามีอะไรบ้าง? และจะใช้วิเคราะห์กราฟได้อย่างไร?

 

1. รูปแบบการกลับตัว (Reversal Patterns)

 

รูปแบบการกลับตัว (Reversal Patterns)

รูปแบบการกลับตัว คือ การฟอร์มตัวของราคาที่ส่งสัญญาณว่าราคาอาจจะเกิดการกลับตัวในอนาคต ซึ่งปกติแล้ว รูปแบบการกลับตัวจะเกิดขึ้นในช่วงระดับราคาแนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ ๆ อย่างจุดราคาสูงสุด หรือจุดต่ำสุดของช่วงเวลานั้น ๆ โดยจะมีสัญญาณการกลับตัวอยู่ 10 รูปแบบ ดังนี้

 

⭐ 10 รูปแบบ Chart Patterns : รูปแบบการกลับตัว (Reversal Patterns) ⭐

 

รูปแบบ Chart Patterns ชื่อ ความหมาย
 Double Top

Double Top

รูปแบบ Double Top คือ การที่ราคาเคลื่อนไหวเป็นหยัก 2 หยักที่ตรงจุดยอด หรือ จุด Top เลยเรียกว่า Double Top ซึ่งการเกิด Double Top หมายความว่า ราคาพยายามที่จะทำ New High แต่ว่าไม่สามารถที่จะทำ New High ได้ ทำได้ดีที่สุดคือ การขึ้นไปเทียบกับราคาเดิม เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ทำให้ราคาดีดกลับลงมาต่ำกว่าเดิมและเปลี่ยนทิศทางจากขาขึ้นเป็นขาลง
Double Bottom

Double Bottom

ส่วนรูปแบบ Double Bottom เป็นรูปแบบตรงข้ามกับรูปแบบ Double Top เพียงแต่เกิดขึ้นในทิศทางตรงกันข้าม กล่าวคือราคาพยายามจะลงต่อเพื่อทำ New Low แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้การเคลื่อนไหวเปลี่ยนทิศทางกลับไปเป็นขาขึ้น ซึ่งรูปแบบ 2 รูปแบบนี้ เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมในการเทรดสูงสุดและสามารถวิเคราะห์ได้ง่าย
Head and Shoulders

Head and Shoulders

รูปแบบหัวและไหล่ จะคล้ายคลึงกับ Double Top และ Double Bottom เพียงแต่ว่า จะมียอดอยู่ 3 ยอดด้วยกัน โดยที่ยอดแรกกับยอดสุดท้ายจะเท่ากัน และยอดตรงกลางจะสูงสุดหรือต่ำสุด รูปแบบ Head and Shoulder นี้ก็จะเกิดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง เช่นเดียวกับรูปแบบอื่น ๆ โดยจะเรียกว่า รูปแบบ Head and Shoulder กลับหัว หรือ Inverse head and shoulders
Inverse Head and Shoulders

Inverse Head and Shoulders

รูปแบบนี้จะตรงข้ามกับ Head and Shoulders โดยหากเกิด Inverse Head and Shoulders เทรดเดอร์จะรอราคาทะลุผ่านเส้น Neckline แล้วก็จะเข้าไปเปิดออเดอร์ในทิศทางเดียวกับแนวโน้มใหม่เพื่อทำกำไรครับ
Falling Wedge

Falling Wedge

กราฟรูปแบบสามเหลี่ยมรูปลิ่ม เฉียงลง ซึ่งสามเหลี่ยมจะค่อย ๆ แคบจนเป็นรูปลิ่ม และมักจะเกิดที่บริเวณแนวรับสำคัญ พร้อมกับสัญญาณ Divergence ก่อนปรับตัวขึ้นไป
Rising Wedge

Rising Wedge 

รูปแบบราคาที่ตรงข้ามกับ Falling Wedge ซึ่งสามเหลี่ยมจะกลับด้านกับรูปแบบ Falling Wedge โดยทิศทางของเทรนด์สำหรับรูปแบบ Rising Wedge คือ การกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง หลังจากราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ และมักจะเกิดสัญญาณ Divergence ก่อนราคาจะปรับตัวลงไป
Bullish Expanding Triangle 

Bullish Expanding Triangle  

เป็นรูปแบบของราคาที่มีการเคลื่อนตัวลงเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมแบบขยายตัว โดยในจังหวะสุดท้ายจะมีการปรับตัวขึ้นไปเบรกยืนเหนือแนวกรอบสามเหลี่ยม ก่อนที่จะมีการทดสอบแนวต้านอีกครั้งและกลับตัวขึ้นไป
Bearish Expanding Triangle 

Bearish Expanding Triangle

เป็นรูปแบบของราคาที่มีการเคลื่อนตัวขึ้นเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมแบบขยายตัว โดยในจังหวะสุดท้ายจะมีการปรับตัวลงไปเบรกยืนใต้กรอบสามเหลี่ยม ก่อนที่จะมีการทดสอบแนวรับอีกครั้งและกลับตัวลงไป
Triple Top

Triple Top

เป็นรูปแบบมีที่พื้นฐานคล้ายกันกับ Double Top แต่จะมียอดเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ยอด แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแนวต้านดังกล่าว หากราคาไม่สามารถที่จะยืนเหนือจุดยอดที่ผ่านมาได้ ราคาก็มีโอกาสสูงที่จะกลับตัวลงมา
Triple Bottom

Triple Bottom

เป็นรูปแบบมีที่พื้นฐานคล้ายกันกับ Double Bottom แต่จะมีจุดต่ำสุดเพิ่มขึ้นมาอีก 1 จุด แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแนวรับดังกล่าว หากราคาไม่สามารถที่จะลงต่ำกว่าจุดต่ำสุดที่ผ่านมาได้ ราคาก็มีโอกาสสูงที่จะกลับตัวขึ้นไป

 

 

2. รูปแบบการไปต่อ (Continuation Patterns)

 

รูปแบบการไปต่อ (Continuation Patterns)

รูปแบบการไปต่อ คือ กราฟได้ฟอร์มตัวเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าราคาจะมีการไปต่อในอนาคต ซึ่งปกติแล้วการไปต่อจะเกิดขึ้นในระหว่างเทรนด์ทั้งขาขึ้นและขาลง หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นการ “พักตัว” ก่อนที่ราคาจะไปวิ่งไปต่อในแนวโน้มเดิม โดยจะเกิดขึ้นได้ทั้งในจุดที่เป็นแนวรับ-แนวต้านหรือไม่ใช่ก็ได้ โดยจะมีสัญญาณการไปต่ออยู่ 6 รูปแบบ ดังนี้

 

⭐ 6 รูปแบบ Chart Patterns : รูปแบบการไปต่อ (Continuation Patterns)

 

รูปแบบ Chart Patterns ชื่อ ความหมาย

Bullish Rectangle

Bullish Flag

รูปแบบ Bullish Flag หรือรูปแบบ 4 เหลี่ยมผืนผ้าขาขึ้น เป็นรูปแบบที่ราคาพักฐานสักครู่หนึ่งก่อนที่จะเคลื่อนไหวต่อไปข้างหน้าเป็นขาขึ้น

Bearish Rectangle

Bearish Flag

รูปแบบ Bearish Flag เป็นรูปแบบ 4 เหลี่ยมผืนผ้าขาลง คือราคาพักการเคลื่อนไหวเพื่อสะสมแรงเพียงชั่วครู่หลังจากนั้นเคลื่อนไหวเป็นขาลงต่อไป
Bullish Pennant

Bullish Pennant

เป็นรูปแบบธงชาติสามเหลี่ยม คล้ายคลึงกับรูปแบบ Wedge เพียงแต่ลักษณะสามเหลี่ยมจะยาวกว่า คล้าย ๆ ธงสามเหลี่ยม รูปแบบ Bullish ก็แสดงถึงขาขึ้น ที่ราคาจะไปต่อเมื่อพักฐานและเกิด Break Out ขณะที่รูปแบบตรงข้ามของมันคือ Bearish Pennant ที่เป็นรูปแบบของขาลง 
Bearish Pennant

Bearish Pennant

เป็นรูปแบบธงชาติสามเหลี่ยม คล้ายคลึงกับรูปแบบ Wedge เพียงแต่ลักษณะสามเหลี่ยมจะยาวกว่า คล้าย ๆ ธงสามเหลี่ยม รูปแบบ Bearish ก็แสดงถึงขาลง ที่ราคาจะไปต่อเมื่อพักฐานและเกิด Break Out 
Cup & Handle

Cup & Handle

รูปแบบนี้เป็นรูปแบบของของเทรนด์ขาขึ้น โดยในช่วงของรูปถ้วยจะเป็นช่วงที่ราคามีการปรับตัวลงถึงช่วงต่ำสุดในช่วงเวลานั้น ๆ ส่วนช่วงหูจับของถ้วยจะเป็นการพักตัวของราคาก่อนที่จะปรับตัวขึ้นในรอบใหญ่
Reverse Cup & Handle

Reverse Cup & Handle

รูปแบบนี้เหมือนกันกับรูปแบบ Cup & Handle ข้างบน แต่เป็นรูปแบบของของเทรนด์ขาลง โดยในช่วงของรูปถ้วยจะเป็นช่วงที่ราคามีการปรับตัวขึ้นถึงช่วงสูงสุดในช่วงเวลานั้น ๆ ส่วนช่วงหูจับของถ้วยจะเป็นการพักตัวของราคาก่อนที่จะปรับตัวลงในรอบใหญ่

 

 

3. รูปแบบที่เป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง (Bilateral Patterns)

 

รูปแบบที่เป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง (Bilateral Patterns)

รูปแบบนี้เป็นรูปแบบที่ราคาถูกบีบให้เล็กลงจนกลายเป็นสามเหลี่ยม และไม่สามารถที่จะคาดการณ์ได้ว่าราคาจะไปในทิศทางไหน โดยในกรณีนี้จำเป็นที่จะต้องใช้อีกหนึ่งเทคนิคเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ ซึ่งก็คือเทคนิค “Break Out” นั่นเอง หลังจากที่ราคาโดนบีบให้กลายเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมแล้ว หากว่าราคามีการ Break Out ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ก็จะสามารถคาดการณ์ได้ว่า ราคาอาจจะไปในทิศทางนั้นในอนาคต โดยจะมีสัญญาณอยู่ 3 รูปแบบ ดังนี้

 

⭐ 3 รูปแบบ Chart Patterns : รูปแบบที่เป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง (Bilateral Patterns)

 

รูปแบบ Chart Patterns ชื่อ ความหมาย
Ascending Triangle

Ascending Triangle

Ascending triangle เป็นรูปแบบกราฟที่มีลักษณะเป็น Sideway ขาขึ้น คล้ายกับรูปแบบ Rising Wedge แต่จะไม่มีการยกตัวขึ้นเหมือน Rising Wedge ซึ่งในรูปแบบนี้ มีโอกาสที่จะไปได้ทั้ง 2 ทาง โดยสังเกตจากการ “Break Out” ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
Descending Triangle

Descending Triangle

Descending triangle เป็นรูปแบบกราฟที่มีลักษณะเป็น Sideway ขาลง คล้ายกับรูปแบบ Falling Wedge แต่จะไม่มีการลดตัวลงเหมือน Falling Wedge เป็นรูปแบบตรงกันข้ามของ Ascending Triangle ซึ่งในรูปแบบนี้ มีโอกาสที่จะไปได้ทั้ง 2 ทาง โดยสังเกตจากการ “Break Out” ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
Symmetrical Triangle

Symmetrical Triangle

รูปแบบ Symmetrical Triangle เป็นรูปแบบที่แทบจะเหมือนกันกับรูปแบบ Pennant แต่ 2 รูปแบบนี้มีความแตกต่างกันตรงที่ระยะของการเกิดรูปแบบ โดย Pennant จะมีระยะการเกิดที่สั้นและน้อยกว่า Symmetrical triangle ซึ่งอธิบายได้ง่าย ๆ ว่า Penant เป็นเหมือนรูปแบบของการพักตัวเพื่อที่จะไปต่อ (Pennant อยู่ในรูปแบบของการไปต่อ) แต่รูปแบบ Symmetrical จะเป็นการเกิดการ Sideway ในระยะยาว เนื่องจากกราฟไม่สามารถที่จะเลือกทางไปได้ ต้อง Confirm จากการ Break Out เท่านั้น 

 

วิธีการใช้งาน Chart Pattern ในการเทรด

Chart Pattern หรือรูปแบบกราฟในตลาด Forex เป็นเทคนิคที่ใช้ดูการกระทำหรือพฤติกรรมโดยรวมของตลาด และนำมาคาดการณ์แนวโน้มที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ในหัวข้อนี้ Thaiforexreview จะพาทุกคนมาดูวิธีการใช้ Chart Pattern ในการวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าเทรดกันครับ

ตัวอย่างการใช้งาน Chart Pattern หาจุดเข้าเทรด

ตัวอย่างการใช้งาน Chart Pattern หาจุดเข้าเทรด 1

จากตัวอย่างกราฟราคาทองคำใน Time Frame 1H กราฟเกิด Chart Pattern รูปแบบ Bearish Flag Pattern อย่างสมบูรณ์ โดยสังเกตได้จากการที่กราฟอยู่ในแนวโน้มขาลง และยกตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ Swing High ล่าสุด แต่ไม่สามารถ Breakout ผ่านขึ้นไปได้ ก่อนจะเกิดการ Breakout ออกจากกรอบ Flag Pattern ด้วย Price Action รูปแบบ Bearish Engulfing ซึ่งเป็นแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการยืนยันการไปต่อของราคา ซึ่งจากสัญญาณทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า กราฟมีโอกาสที่จะปรับตัวลงไปต่อได้ ซึ่งเทรดเดอร์สามารถเปิด Sell หลังจบแท่งเทียนดังกล่าวได้ทันที โดยแนะนำให้ตั้งจุด Take Profit เอาไว้ที่แนวรับบริเวณถัดไป และตั้งจุด Stop Loss เอาไว้ที่บริเวณกรอบล่างของ Flag Pattern เพื่อป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไปครับ

ผลลัพธ์การเทรด

ตัวอย่างการใช้งาน Chart Pattern หาจุดเข้าเทรด 2

 

ข้อดีและข้อเสียของ Chart Pattern

 

ข้อดี ข้อเสีย
  • Chart Pattern ช่วยให้นักลงทุนมองเห็นภาพรวมของตลาด ทำให้คาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคตและหาจังหวะซื้อขายที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น
  • Chart Pattern เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่นักลงทุนทั่วโลกสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับสินทรัพย์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น หุ้น, Forex หรือคริปโทเคอร์เรนซี
  • รูปแบบกราฟหลาย ๆ แบบมีวิธีการคำนวณเป้าหมายราคา (Price Target) และจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่ค่อนข้างชัดเจน ช่วยให้บริหารความเสี่ยงได้ดี
  • รูปแบบกราฟ เป็นผลมาจากพฤติกรรมการซื้อขายของนักลงทุนในตลาด การทำความเข้าใจรูปแบบเหล่านี้จึงเหมือนกับการเข้าใจความคิดของผู้คนในตลาดด้วยเช่นกัน
  • อาจเกิดสัญญาณหลอก (False Signals) เพราะไม่ใช่ทุกครั้งที่รูปแบบกราฟจะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์และเป็นไปตามทฤษฎีเสมอไป ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้
  • รูปแบบกราฟบางชนิดอาจใช้เวลานานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนกว่าจะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ซึ่งอาจไม่เหมาะกับนักลงทุนระยะสั้น
  • ประสิทธิภาพลดลงในตลาดที่ผันผวนสูง โดยในสภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูงหรือไร้ทิศทาง (Sideways) รูปแบบกราฟอาจมีประสิทธิภาพลดลงและเกิดสัญญาณรบกวนได้ง่าย
  • ต้องใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น เพื่อเพิ่มความแม่นยำและยืนยันสัญญาณ โดยควรใช้ Chart Pattern ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น MA, RSI, แนวรับ-แนวต้าน หรือ MACD และไม่ควรใช้เป็นเพียงเครื่องมือเดียวในการตัดสินใจ

 

 

ข้อควรระวังในการใช้ Chart Pattern

Chart Pattern ไม่สามารถที่จะเชื่อได้ทุกครั้ง ในหลาย ๆ ครั้งที่เราเห็นกราฟได้ฟอร์มตัวมาเป็น Chart Pattern รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ไม่ได้แปลว่ากราฟจะเป็นไปตามฟอร์มดังกล่าวเสมอไป เราจึงจำเป็นที่จะต้องมีสัญญาณยันยืนเพื่อเข้าเทรด เพื่อที่จะลดความเสี่ยงจะจากการเทรดให้ได้มากที่สุด เช่น Price Action ใช้เพื่ออ่านอารมณ์ของตลาด, Divergence สัญญาณการกลับตัว หรือการ Breakout ใช้ยืนยันการกลับตัวของราคา

______________________________________________

 

บทความเกี่ยวกับเทรด Forex สาย Technical

 

คำถามที่พบบ่อย Chart Pattern คืออะไร? 

Q: Chart Patterns มีกี่แบบ?

3 รูปแบบ คือ รูปแบบการกลับตัว, รูปแบบการไปต่อ และรูปแบบที่เป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง

Q: ส่วนประกอบของกราฟแท่งเทียนมีอะไรบ้าง?

ส่วนประกอบหลัก ๆ ของกราฟแท่งเทียน คือ เนื้อเทียน (Body) และไส้เทียน ซึ่ง Body ของแท่งเทียนจะมีขอบบนที่เป็นราคาเปิด และขอบล่างคือราคาปิด ส่วนปลายไส้ด้านบนคือราคาสูงสุด และปลายไส้ด้านล่างคือราคาต่ำสุด

Q: Break Out Forex คืออะไร?

► คือ การที่กราฟมีราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้าน

 

สรุป Chart Pattern คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไรกับการเทรด Forex

Chart Pattern คือ “รูปแบบของกราฟ” เป็นเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์การกระทำโดยรวมของกราฟราคา เพื่อคาดการณ์ทิศทางของราคาได้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีการแบ่งออกเป็น 3 แบบหลัก ๆ ได้แก่ รูปแบบกลับตัว, รูปแบบไปต่อ และรูปแบบที่เป็นได้ทั้ง 2 ทาง ซึ่งเทคนิคนี้จะมีคีย์สำคัญคือเทคนิค “Break Out” หากเทรดเดอร์สามารถเข้าใจหลักการของ Break Out ได้ การเทรดด้วย Chart Pattern ก็ไม่ใช่เรื่องยาก โดยการเทรดด้วยเทคนิค Chart Pattern จะมีข้อควรระวังอยู่ คือ เทรดเดอร์ไม่สามารถเชื่อ Chart Pattern ได้ทุกครั้ง เนื่องจากว่าในตลาดไม่มี Pattern Forex หรือเทคนิคการวิเคราะห์ไหน ที่สามารถชนะตลาดได้ 100% เทรดเดอร์จำเป็นที่จะต้องรอสัญญาณ Confirm หรือแท่งเทียนยืนยันว่า ราคาจะมีโอกาสไปทิศทางที่วิเคราะห์จริง ๆ ซึ่งส่วนมากนักเทรดมืออาชีพจะมีการใช้ Indicator ประเภท Oscillator เข้ามาช่วยในการหาสัญญาณ Divergence เพื่อหาจุดกลับตัวของราคา และเพื่อเป็นการ Confirm สัญญาณเข้าด้วย

 

 

Source : Traderbobo

__________________________________

สุดท้ายนี้ การลงทุนทุกรูปแบบล้วนมีความเสี่ยง อยากให้คุณศึกษาพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์นั้นให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน และหากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม สามารถติดตาม ThaiForexReview

ติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดการลงทุนได้ที่ : News

อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ : Blogs

รีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยม : Top Brokers

forex

แนะนำโบรกเกอร์สำหรับคุณ

tfn
ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย

Thaiforexreview.com จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ
ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์โบรกเกอร์ Forex ข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน และการวิเคราะห์เป็นความคิดเห็น ของ Thaiforexreview.com ไม่มีการการันตีใด ๆ

การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex มีความเสี่ยงสูง ก่อนตัดสินใจซื้อขาย Forex หรือใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เรามุ่งเน้นเพื่อเสนอข้อมูล ที่สำคัญเกี่ยวกับโบรกเกอร์ทั้งหมดที่เราตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด

ความรู้ Forex

Forex

Gold

Beginner

Investing

ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย

Thaiforexreview.com จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ
ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์โบรกเกอร์ Forex ข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน และการวิเคราะห์เป็นความคิดเห็น ของ Thaiforexreview.com ไม่มีการการันตีใด ๆ

การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex มีความเสี่ยงสูง ก่อนตัดสินใจซื้อขาย Forex หรือใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เรามุ่งเน้นเพื่อเสนอข้อมูล ที่สำคัญเกี่ยวกับโบรกเกอร์ทั้งหมดที่เราตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด

© Copyright Thaiforexreview 2023. All rights reserved