Money Flow Index คืออะไร? ตัวช่วยจับสัญญาณในการเทรด Forex

อินดิเคเตอร์เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในบทความนี้ Thaiforexreview จะพาไปรู้จักกับ Money Flow Index (MFI) อินดิเคเตอร์ที่ใช้ดูปริมาณการซื้อขายและช่วยบอกจุดเข้าออกออเดอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แล้วอินดิเคเตอร์ Money Flow Index คืออะไร? อ่านค่าอย่างไร? และสามารถนำไปใช้กับการเทรด Forex ได้อย่างไรบ้าง? มาหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้ครับ
Money Flow Index (MFI) คือ อินดิเคเตอร์ที่ใช้วัดแรงซื้อขาย (Volume) เพื่อนำมาช่วยหาสัญญาณการกลับตัวของราคา รวมถึงจุดเข้าออกออเดอร์ ซึ่งอินดิเคเตอร์นี้ถูกพัฒนาขึ้นโดย Gene Quong และ Avrum Soudack ซึ่งอินดิเคเตอร์ MFI จะมีลักษณะการทำงานคล้ายกันกับ RSI ที่บอกถึงสภาวะ Overbought และ Oversold แต่แตกต่างกันตรงที่ RSI วิเคราะห์โดยใช้การเคลื่อนไหวของราคาเป็นหลัก ในขณะที่ MFI จะใช้ข้อมูลจากปริมาณการซื้อขายเข้ามาวิเคราะห์ร่วมด้วยครับ
อินดิเคเตอร์ MFI และ RSI มีลักษณะคล้ายกันตรงที่สามารถบ่งบอกถึงสภาวะ Overbought และ Oversold ได้เหมือนกัน อีกทั้งยังสามารถบอกสัญญาณ Divergence ได้ แต่จะแตกต่างกันในส่วนของสูตรคำนวณและข้อมูลที่ใช้คำนวณ โดย RSI จะอิงจากการเคลื่อนไหวของราคา ในขณะที่ MFI จะรวมทั้งราคาและปริมาณการซื้อขายเข้ามาร่วมด้วย ทำให้ MFI สามารถให้สัญญาณ Overbought/Oversold ได้เร็วกว่า RSI ในบางครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม การได้สัญญาณเร็วก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีเสมอไป เพราะอาจเกิดสัญญาณหลอกขึ้นได้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงครับ
วิธีการคำนวณ Money Flow Index และการอ่านค่าของ MFI มีขั้นตอน ดังนี้
Money Flow Index (MFI) = 100-100/(1+MR)
🔸 คำนวณ Typical Price (TP)
🔸 คำนวณ Raw Money Flow
🔸 คำนวณ Money Flow Ratio
หมายเหตุ : 🔸 หาก TP ปัจจุบัน มากกว่า TP ก่อนหน้า นั่นคือ Positive Money Flow
🔸 หาก TP ปัจจุบัน น้อยกว่า TP ก่อนหน้า นั่นคือ Negative Money Flow
- หากค่า MFI ต่ำกว่าระดับ 20 จะหมายถึงภาวะขายมากเกินไป (Oversold) โดยราคามีโอกาสกลับตัวขึ้น
- หากค่า MFI สูงกว่าระดับ 80 จะหมายถึงภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) โดยราคามีโอกาสกลับตัวลง
วิธีการตั้งค่า Money Flow Index ใน MT5 มีขั้นตอน ดังนี้
1. ให้เทรดเดอร์ไปที่หน้า Indicators และกด Examples หลังจากนั้นคลิกที่ Panels
2. เมื่อเทรดเดอร์เลือกไปที่ MFI ก็จะปรากฏอินดิเคเตอร์ขึ้นตามภาพข้างล่าง โดยค่าเริ่มต้นที่นิยมใช้ คือ 14 Periods
3. เทรดเดอร์สามารถปรับค่า Periods ได้ตามแผนการลงทุน เช่น การเพิ่มค่า Periods จะช่วยลดการเกิดสัญญาณหลอกและช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์แนวโน้มได้ชัดเจนมากขึ้น แต่ถ้าลดค่า Periods ลง จะช่วยให้ MFI ส่งสัญญาณต่อราคาได้เร็วขึ้นครับ
วิธีการใช้งาน MFI Indicator ในการเทรดเพื่อช่วยวิเคราะห์ตลาดและหาสัญญาณซื้อขายโดยมี 2 วิธีหลัก ๆ ดังนี้
MFI สามารถบอกจุดเข้าออกออเดอร์ได้โดยดูจากสัญญาณ Overbought และ Oversold ซึ่งเทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์และเปิดออเดอร์ได้ ดังนี้
- เมื่อค่า MFI สูงกว่า 80 แสดงถึงภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) โดยสภาวะนี้ ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวลง ดังนั้น เทรดเดอร์สามารถเปิดออเดอร์ Sell ได้
- เมื่อค่า MFI ต่ำกว่า 20 แสดงถึงภาวะขายมากเกินไป (Oversold) โดยสภาวะนี้ ราคามีโอกาสที่จะดีดกลับขึ้นไป ดังนั้น เทรดเดอร์สามารถเปิดออเดอร์ Buy ได้
อย่างไรก็ตาม ค่า MFI ที่เข้าสู่เขต Overbought หรือ Oversold ไม่ได้หมายความว่าราคาจะกลับตัวเสมอไป ดังนั้น เทรดเดอร์ควรใช้อินดิเคเตอร์อื่นมาวิเคราะห์ราคาร่วมด้วย เพื่อป้องกันสัญญาณหลอกครับ
เทรดเดอร์สามารถหาสัญญาณ Divergence ได้จากการเคลื่อนไหวของราคากับค่า MFI ที่เคลื่อนไหวสวนทางกัน ซึ่งการเกิด Divergence มักจะบอกถึงแรงซื้อหรือแรงขายที่อ่อนแรงลงและอาจจะเกิดการกลับตัวของราคาครับ
- หากราคาทำจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) แต่ค่า MFI กลับไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ แสดงว่าแรงซื้อเริ่มอ่อนลง ทำให้ราคามีโอกาสที่จะกลับตัวลง โดยลักษณะนี้เรียกว่า Bearish Divergence
- หากราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ (Lower Low) แต่ค่า MFI กลับไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ แสดงว่าแรงขายเริ่มอ่อนลง ทำให้ราคามีโอกาสที่จะกลับตัวขึ้น โดยลักษณะนี้เรียกว่า Bullish Divergence
อย่างไรก็ตาม การเกิด Divergence เป็นเพียงสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าแนวโน้มราคาอาจใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ดังนั้น เทรดเดอร์ควรรอการยืนยันด้วยสัญญาณกลับตัวจากแท่งเทียนหรือใช้อินดิเคเตอร์อื่น ๆ ประกอบการวิเคราะห์ก่อนตัดสินใจเปิดออเดอร์
ข้อดี Money Flow Index | ข้อจำกัด Money Flow Index |
|
|
Money Flow Index คืออะไร?
🔎 MFI คือ อินดิเคเตอร์ที่ใช้วัดแรงซื้อแรงขาย (Volume) เพื่อหาสัญญาณกลับตัวของราคาและจุดเข้าออกออเดอร์ คล้ายกันกับ RSI แต่ MFI ใช้ทั้งราคาและปริมาณการซื้อขายในการวิเคราะห์
MFI ควรใช้กับ Time Frame ไหนดีที่สุด?
🔎 MFI เหมาะกับการใช้งานใน Time Frame ตั้งแต่ 1 ชั่วโมงถึง 1 วัน เนื่องจากจะให้สัญญาณที่เสถียรและมีโอกาสน้อยที่จะเกิดสัญญาณหลอก แต่อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์สามารถปรับให้เหมาะกับสไตล์การเทรดของตัวเองได้ครับ
อินดิเคเตอร์ที่ใช้ดูแรงซื้อแรงขายในตลาดมีอะไรบ้าง?
🔎 อินดิเคเตอร์ที่ใช้ดูแรงซื้อขายที่เทรดเดอร์นิยมใช้กัน ได้แก่
- Money Flow Index (MFI)
- On-Balance Volume (OBV)
- Chaikin Money Flow (CMF)
MFI เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน?
🔎 MFI เหมาะกับทั้งมือใหม่ที่ต้องการอินดิเคเตอร์ที่อ่านค่าง่ายและยังเหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการวิเคราะห์แรงซื้อขายโดยเฉพาะ
MFI เป็นอินดิเคเตอร์ประเภทไหน?
🔎 MFI เป็นอินดิเคเตอร์ประเภท Momentum Indicator ที่อินดิเคเตอร์ใช้วัดการเคลื่อนไหวของราคา ณ ช่วงเวลานั้น เพื่อบอกถึงสภาวะตลาดว่าอยู่ในช่วง Overbought หรือ Oversold
Money Flow Index (MFI) เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้ในการวัดปริมาณการซื้อขายในตลาด โดยจะวัดจากการแกว่งตัวในระดับ 0-100 ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ RSI แทบทุกอย่าง รวมถึงการนำไปใช้งานในการเทรด แต่จะแตกต่างกันเพียงอย่างเดียว คือ การคำนวณที่มีการนำปริมาณ (Volume) เข้ามาคำนวณร่วมด้วย จึงทำให้ MFI มีการส่งสัญญาณได้เร็วกว่า RSI
อย่างไรก็ตาม การใช้ MFI เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจในการเข้าออกออเดอร์ เทรดเดอร์จึงควรใช้อินดิเคเตอร์อื่นร่วมด้วย เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ อีกทั้ง ก่อนจะลงทุน เทรดเดอร์ควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อสินทรัพย์ร่วมด้วย เพื่อช่วยในการบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers
แนะนำโบรกเกอร์สำหรับคุณ
