เทรดทอง Forex คืออะไร ? วิธีการเทรดทอง Forex (XAUUSD)

ในปัจจุบันนี้ การลงทุนในทองคำเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้อย่างง่ายและแพร่หลายอย่างมาก เนื่องจากเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ได้เข้ามามีบทบาทกับโลกการลงทุนมากขึ้น ทำให้เทคโนโลยีด้านการลงทุนถูกพัฒนาและเข้าถึงผู้คนได้ง่ายกว่าเดิม ซึ่งการ “เทรดทอง” ถือว่าเป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องซื้อทองคำมาถือจริง ๆ แต่ก็ยังทำกำไรได้ และยังถือว่าได้กำไรเร็วกว่าการถือทองคำจริง ๆ ซะอีก แต่สำหรับคนที่เพิ่งเข้ามาในวงการเทรดทอง อาจจะโดนตลาดเล่นไปไม่น้อย ในบทความนี้จะพามือใหม่ที่เทรดทองทุกคนปลดล็อกประสิทธิภาพในการเทรดทอง ด้วยเคล็ดลับเทรดทอง พื้นฐานการเทรดทองที่เทรดเดอร์มือใหม่ต้องรู้ สามารถติดตามได้ในบทความนี้

การเทรดทอง คือ การลงทุนทองคำรูปแบบหนึ่ง โดยการเทรดทองคำสามารถที่จะเทรดได้ 2 แบบ คือแบบ Gold Spot และ Gold Future (ความแตกต่างระหว่าง Gold Spot และ Future)  ที่สามารถทำกำไรได้ทั้งในขาขึ้นและขาลง ซึ่งนิยมเรียกกันว่า “การเทรดทอง Forex” ซึ่งไม่ได้เป็นการซื้อทองคำแท่งมาเก็บเอาไว้กับตัว เป็นเพียงสัญญาคาดการณ์ราคาทองคำล่วงหน้า หากว่าซื้อสัญญาถูกทาง ก็จะได้กำไรที่เกิดจากส่วนต่างของราคาที่เพิ่มขึ้น (Buy) หรือลดลง (Sell) โดยมีการใช้ Leverage เป็นเครื่องมือที่ทำให้อำนาจการซื้อของเราเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณได้ ซึ่งทองคำในที่นี้จะใช้ตัวย่อเป็น XAUUSD เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้กันทั่วไปในตลาดการเงินเพื่อแสดงอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างทองคำ (XAU) กับดอลลาร์สหรัฐ (USD) 

การเทรดทอง Forex สามารถที่จะเทรดได้ในวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ช่วงเวลา 5.00 น.-3.00น. (ปิดตลาด 1 ชั่วโมง) หรือเทียบเท่ากับว่าเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง และตลาดจะปิดในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเทรดทอง Forex จริง ๆ นั้น แนะนำให้เทรดในช่วงที่ตลาดสหรัฐอเมริกา (New York) และตลาดลอนดอน (London) คาบเกี่ยวกัน เนื่องจากว่าในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีปริมาณการซื้อขาย (Volume) เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะอยู่ในช่วงเวลา 19.00 น. - 23.00 น. 

ราคาทองคำถูกขับเคลื่อนด้วยหลายปัจจัย แต่สามารถแยกเป็น 2 ปัจจัยหลักได้ ดังนี้

1. ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental)

ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental) ที่ส่งผลต่อราคาทองคำ มีอยู่หลายปัจจัย แต่ปัจจัยหลัก ๆ คือภาวะเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐฯ และประเทศจีน โดยที่ประเทศสหรัฐฯ เป็นประเทศที่ถือทองคำเป็นทุนสำรองจำนวนมากที่สุดในโลก โดยถือทองคำอยู่ 8,133.46 ตัน สัดส่วนทองคำเมื่อเทียบกับทุนสำรองทั้งหมดคิดเป็น 68.69% ในขณะที่ประเทศจีนเป็นผู้นำเข้าทองคำรายใหญ่ของโลก ซึ่งถือทองคำอยู่ที่  2,068.36 ตัน สัดส่วนทองคำเมื่อเทียบกับทุนสำรองทั้งหมดคิดเป็น 3.90% โดยปกติแล้วความสัมพันธ์ของทองคำและเงินดอลลาร์จะผกผันกัน (เคลื่อนที่ตรงข้ามกัน) ในขณะที่ค่าเงินหยวนจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันราคาทองคำ ดังนั้น ถ้าหากว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อ่อนแอและส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่า มูลค่าของทองคำจะเพิ่มขึ้นแทน แต่ถ้าหากว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แข็งแกร่งและส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่า มูลค่าของทองคำจะลดลง สำหรับในช่วงที่เป็นวิกฤตทางการเงิน พร้อมกับสถานการณ์ของโลกที่มีสงครามระหว่างประเทศ นักลงทุนจะได้เห็นการเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์และทองคำวิ่งในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้ยากแต่อย่างใด 

2. ปัจจัยทางเทคนิค (Technical)

นอกจากเรื่องของปัจจัยพื้นฐานแล้ว ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำอีกอย่าง คือ ปัจจัยทางเทคนิค (Technical) ซึ่งปัจจัยทางเทคนิคนี้สามารถโผล่มาได้ทุกเวลา เนื่องจากสาเหตุของการที่ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวตลอดเวลาได้จะต้องมีการซื้อขายอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน อธิบายได้อย่างง่ายว่า ผู้คนทำการซื้อขายทองคำกันอยู่ตลอดเวลา และ ณ ราคาที่ถูกซื้อหรือขายไปนั้น ถ้าหากว่ามีปริมาณมากพอ จะส่งผลให้เคลื่อนที่ โดยถ้าหากว่ามีความต้องการซื้อจำนวนมากที่จุดจุดหนึ่ง จะส่งผลให้ราคาทองคำเคลื่อนตัวขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าหากว่ามีความต้องการขายจำนวนมากที่จุดจุดหนึ่ง จะส่งผลให้ราคาทองคำเคลื่อนตัวลงนั่นเองครับ และนี่ก็เป็นที่มาของจุด Demand และ Supply ของปัจจัยทางเทคนิคนั่นเองครับ

ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำนั้น มีอยู่หลายข่าวมาก ๆ โดยแต่ละข่าวนั้นจะส่งผลกระทบต่อราคาทองไม่เท่ากัน ซึ่งข่าวที่ส่งผลกระทบกับราคาทองคำอย่างรุนแรงและโดยตรงจะเป็นข่าวของจีนและสหรัฐฯ ประกอบไปด้วยข่าวดังต่อไปนี้

1. CPI : Customer Price Index 

2. GDP : Gross Domestic Product

3. Employment Change 

4. FOMC Meeting Minutes

5. PMI : Purchasing Managers Index

6. Non-Farm Employment Change

7. Average Hourly Earning

8. Unemployment Rate

9. Consumer Confidence

10. Federal Fund Rate

ในบทความนี้จะไม่ได้ลงลึกถึงรายละเอียดของแต่ละข่าว หากต้องการอ่านเพิ่มเติมสามารถเข้าไปอ่านได้ที่บทความ ข่าว Forex ที่สำคัญมีอะไรบ้าง มีความสำคัญอย่างไรในการเทรด Forex แต่รายชื่อข่าวที่ทางเราให้ไปนั้น ล้วนมีความสำคัญและมีผลกระทบต่อราคาทองคำเป็นอย่างมาก เนื่องจากทุกข่าวนั้นล้วนเป็นภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีน

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้ามาเทรดทอง Forex นั้น จำเป็นจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ทองคำในขั้นเบื้องต้น เพื่อที่จะได้ทราบถึงปัจจัยการเคลื่อนไหวของราคาในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งเราได้เกริ่นไปแล้วก่อนหน้านี้ สำหรับในหัวข้อนี้ จะพาทุกคนมารู้จักกับพื้นฐานการเทรดทอง Forex ที่ทุกคนควรรู้ ดังนี้

1. การหาแนวโน้มของราคา

ขั้นแรกของการเทรด Forex ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ใดก็ตาม รวมไปถึงทองคำ การหาแนวโน้มถือเป็นพื้นฐานที่จำเป็นอย่างมากในการเริ่มต้นการเทรด เนื่องจากว่า ราคามักจะเคลื่อนไหวตามเทรนด์หลัก หรือการเคลื่อนไหวของราคาในภาพใหญ่ อย่างใน Time Frame 4H-M ถ้าหากว่า นักลงทุนสามารถเข้าใจแนวโน้มได้แล้ว ก็จะสามารถนำไปต่อยอดในการหาจุดเข้าได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ

2. แนวรับ - แนวต้านของทอง

การเทรดทอง นักลงทุนจำเป็นจะต้องมีพื้นฐานเกี่ยวกับการหาแนวรับแนวต้าน เพื่อนำไปต่อยอดในการหาจุดเข้าและจุดออก โดยแนวรับแนวต้านสามารถหาได้จากจุดที่ราคาทองเคยขึ้นหรือลงไปทำเอาไว้ที่จุด ๆ หนึ่ง เมื่อราคากลับไปที่บริเวณดังกล่าว แล้วราคาเกิดการกลับตัวจากจุดนั้น จะถือว่าบริเวณดังกล่าวเป็นแนวรับหรือแนวต้านนั่นเองครับ 

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวรับ-แนวต้าน ที่นี่

3. อินดิเคเตอร์ช่วยหาจุดกลับตัว

อินดิเคเตอร์สามารถช่วยในการหาและยืนยันจุดกลับตัวได้อย่างประสิทธิภาพ โดยอินดิเคเตอร์นั้นมีอยู่หลายรูปแบบ แต่อินดิเคเตอร์ที่มีการใช้อย่างแพร่หลาย และได้รับการยอมรับจากนักลงทุนทั่วโลก ได้แก่ Relative Strength Index (RSI) และ Moving Average (MA) 

* ข้อมูลดังกล่าวเป็นการเปรียบเทียบในบัญชี Standard เท่านั้น

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับโบรกเกอร์เทรดทอง 🔽

รีวิวโบรกเกอร์เทรดทอง

การเทรดทอง นับว่าเป็นการลงทุนที่เสี่ยงสูง เนื่องจากว่าเป็นการซื้อขายที่มี Leverage ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การซื้อขายของนักลงทุนมี “อำนาจมากขึ้น” จาก “ตัวคูณหลายเท่าตัว” เข้ามาเกี่ยวข้อง และผลจากตัวคูณนี่เองที่ทำให้การเทรดทองเป็นอะไรที่เสี่ยงมาก และในวงการเทรด Forex สินทรัพย์ทองคำถูกเรียกว่าเป็น “สินทรัพย์ที่ผันผวนมากที่สุด” ในตลาด Forex  เนื่องจากเคลื่อนที่ของราคาใน 1 วันอยู่ที่ประมาณ 1,000 - 2,000 จุด ที่มาจากปัจจัยพื้นฐานหลาย ๆ อย่าง ซึ่งถือว่าสูงมาก ๆ เมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น ๆ แต่ในความผันผวนนี้สามารถที่จะมองได้เปรียบเสมือนกับ “ดาบสองคม” ที่ทำให้นักลงทุนสามารถที่จะกอบโกยกำไรมหาศาล หรืออาจจะทำให้นักลงทุนขาดทุนมหาศาลได้เช่นกัน 

บทความที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเคล็ดลับเทรดทอง

• Gold Spot กับ Gold Future แตกต่างกันอย่างไร ? เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัด ๆ ในที่เดียว
• 2 รูปแบบข่าว ที่มีผลต่อราคาทองคำ
• 10 ประเทศที่มีทองคำสำรองมากที่สุด อัปเดตปี 2023
• การลงทุนทองคำ มีกี่ประเภท ให้ผลตอบแทนอย่างไร ลงทุนแบบไหนดี!?

การเทรดทอง เป็นการลงทุนในทองคำรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถทำกำไรได้จากทั้งขาขึ้นและขาลง และมีเครื่องมือที่ทำให้นักลงทุนมีอำนาจการซื้อขายที่ทวีคูณที่เรียกว่า “Leverage” เข้ามาช่วยให้นักลงทุนใช้เงินทุนที่น้อยลง แต่ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่ทวีคูณ จากความผันผวนที่มากอยู่แล้ว แต่สิ่งเหล่านี้เปรียบได้เหมือนกับ “ดาบสองคม” ที่ทำให้นักลงทุนสามารถที่จะฟาดฟันทำกำไรจำนวนมหาศาล หรืออาจจะเป็นตลาดที่เป็นฝั่งถือดาบและฟาดฟันทำให้นักลงทุนขาดทุนจำนวนมหาศาลได้เช่นกันครับ 

ดังนั้น การเทรดทองจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ตลาด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมี “วินัย” ในตนเอง การเทรดเรื่องวินัยถือว่าสำคัญมาก ๆ การมีความรู้เพียงอย่างเดียวไม่อาจจะทำให้คุณอยู่รอดในตลาดได้อย่างยั่งยืน

Source : คุณน้าพาเทรด