List of content

    การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex (Technical Analysis) คืออะไร ? วิเคราะห์อย่างไร ?


    การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex (Technical Analysis) คืออะไร วิเคราะห์อย่างไร

    การเทรดในตลาด Forex เป็นหนึ่งในตลาดการเงินที่ใหญ่และมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าการซื้อขายมหาศาลในแต่ละวัน ทำให้มีโอกาสในการทำกำไรค่อนข้างมาก โดยเทรดเดอร์แต่ละคนจะมีรูปแบบการวิเคราะห์ราคาที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในวันนี้ทีมงาน Thaiforexreview จะพาทุกคนมารู้จักกับวิธีการ “วิเคราะห์ทางเทคนิค” หรือ “Technical Analysis ว่าคืออะไร มีวิธีการวิเคราะห์อย่างไร และมีจุดเด่นจุดด้อยกว่าการเทรดด้วยปัจจัยพื้นฐานอย่างไรบ้าง

    การวิเคราะห์ทางเทคนิคคืออะไร (Technical Analysis) ?

    การวิเคราะห์ทางเทคนิคคืออะไร (Technical Analysis)

    การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) คือ การศึกษาพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์ในอดีต เพื่อคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคต โดยยึดหลักตามสมมติฐานที่ว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกสะท้อนอยู่ในราคาแล้ว" (Price Discounts Everything) และ "ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอย" (History Repeats Itself) นักวิเคราะห์ทางเทคนิคเชื่อว่า รูปแบบราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีตสามารถบ่งบอกถึงแนวโน้มและความน่าจะเป็นของราคาในอนาคตได้นั่นเอง

    โดยในการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้น จะเป็นการวิเคราะห์หาจุดเข้าเทรดด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ซึ่งจะปราศจากการใช้ปัจจัยพื้นฐาน แต่อาจจะดูข่าวในปฏิทินเศรษฐกิจ (Economic Calendar) เอาไว้เพื่อเลี่ยงการเทรดในช่วงเวลาที่มีข่าวสำคัญ เช่น NFP, GDP หรือ Federal Fund Rate ซึ่งเป็นข่าวที่ส่งผลกระทบรุนแรง และอาจส่งผลให้การวิเคราะห์ด้วยเทคนิคนั้นไม่สามารถใช้งานได้  

     

    ความแตกต่างระหว่างการวิเคราะห์ทางเทคนิคกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

    ก่อนหน้านี้เรารู้จักการวิเคราะห์ทางเทคนิคไปแล้ว ทีนี้มาทำความรู้จักกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานกันบ้างว่าคืออะไร ?

    การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน คือ การวิเคราะห์แนวโน้มหรือคาดการณ์ราคาของสินทรัพย์ในอนาคตว่า มีโอกาสที่จะเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด ด้วยข้อมูลพื้นฐานทางเศรษฐกิจ สถานการณ์ทางการเมือง รวมไปถึงเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ เช่น สงคราม วิกฤติการเงิน หรือโรคระบาด เป็นต้น

    ซึ่งก็จะเห็นได้ว่า การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานนั้นจะเน้นไปที่การดูข้อมูลเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมไปถึงสถานการณ์หรือเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของราคาสินทรัพย์ในอนาคต ส่วนการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะเน้นไปที่การใช้เครื่องมือหรือเทคนิคต่าง ๆ ในการวิเคราะห์แนวโน้มเพื่อคาดการณ์แนวโน้มของราคาสินทรัพย์ในอนาคตนั่นเอง

    แต่ถ้าหากว่า นำการวิเคราะห์ทั้งสองอย่างมาผสมผสานกัน ก็อาจจะทำให้การวิเคราะห์มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับความถนัดและประสบการณ์ของเทรดเดอร์คนนั้น ๆ นั่นเองครับ

     

    องค์ประกอบสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิคใน Forex

    องค์ประกอบหลักสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นมีอยู่หลายประการ โดยองค์ประกอบหลัก ๆ นั้นจะมี ดังนี้

    1. แนวโน้ม (Trends) 

    แนวโน้ม คือ ทิศทางโดยรวมของการเคลื่อนไหวของราคา แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก

    แนวโน้ม Forex

    • แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) : ราคาเคลื่อนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทำจุดสูงสุดใหม่เรื่อย ๆ
    • แนวโน้มขาลง (Downtrend) : ราคาเคลื่อนที่ต่ำลงอย่างต่อเนื่อง โดยจะทำจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง
    • แนวโน้มไร้ทิศทาง (Sideways) : ราคาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ ๆ โดยไม่มีทิศทางที่ชัดเจน

    การระบุแนวโน้มเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะนักเทรดมักจะเลือกที่จะเทรดไปตามแนวโน้ม (Trade with the trend)

    2. แนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance)

    แนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance)

    • แนวรับ (Support) : ระดับราคาที่ความต้องการซื้อมีมากกว่าความต้องการขาย ทำให้ราคาหยุดการลดลงและมีโอกาสปรับตัวขึ้น
    • แนวต้าน (Resistance) : ระดับราคาที่ความต้องการขายมีมากกว่าความต้องการซื้อ ทำให้ราคาหยุดการเพิ่มขึ้นและมีโอกาสปรับตัวลง

    แนวรับและแนวต้านเป็นจุดสำคัญที่นักเทรดใช้ในการพิจารณาเข้าซื้อหรือขาย รวมถึงการกำหนดจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) และจุดทำกำไร (Take Profit)

    อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับแนวรับ-แนวต้านเพิ่มเติมได้ที่นี่

    3. รูปแบบกราฟ (Chart Patterns)

    รูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในอดีตสามารถบ่งบอกถึงสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม (Reversal Patterns) หรือการไปต่อของแนวโน้ม (Continuation Patterns) ตัวอย่างรูปแบบกราฟที่พบบ่อยและเป็นที่นิยม เช่น

    รูปแบบกราฟ (Chart Patterns)

    • Head and Shoulders : รูปแบบการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง
    • Double Top/Bottom : รูปแบบการกลับตัวที่ราคาทำจุดสูงสุด/ต่ำสุดสองครั้ง
    • Triangles (Symmetrical, Ascending และ Descending) : รูปแบบการไปต่อหรือการกลับตัว
    • Tripple (Top และ Bottom) : รูปแบบการกลับตัวหลังจากที่ราคาไม่สามารถผ่านแนวรับหรือแนวต้านไปได้ 3 ครั้ง

    อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบกราฟอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่

    4. รูปแบบแท่งเทียน (Price Action)

    รูปแบบแท่งที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในอดีตสามารถบ่งบอกถึงสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม (Reversal Patterns) หรือการไปต่อของแนวโน้ม (Continuation Patterns) ตัวอย่างรูปแบบแท่งเทียนที่พบบ่อยและเป็นที่นิยม เช่น

    รูปแบบแท่งเทียน (Price Action)

    • Pin Bar : Pin Bar หรือที่เรียกกันว่า Hammer เป็นแท่งเทียนที่เห็นได้บ่อยครั้งในช่วงระยะก่อนเกิดการกลับตัวของราคา เป็นแท่งเทียนที่สะท้อนให้เห็นถึงการ “การเข้าซื้อ” หรือ “เทขาย”
    • Engulfing : “แท่งเทียนกลืนกิน” เป็นแท่งเทียนที่สะท้อนถึง “แรงเข้าซื้อ” และ “แรงเทขาย” ที่ชัดเจน ราคามักเกิดการไปต่อในทิศทางนั้นเมื่อแท่งเทียน Engulding ปรากฏขึ้น
    • Doji : Doji candlestick หรือที่เรียกว่าแท่งเทียน “กากบาท” เป็นตัวแทนแห่ง “ความไม่แน่นอน” จะเกิดขึ้นเมื่อ แรงซื้อและแรงขายในตลาดเท่ากัน หรือเป็นช่วงที่ตลาดไม่มี Volume

    5. อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค (Technical Indicators)

    เป็นสูตรคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีต มาสร้างเส้นกราฟเพื่อช่วยในการวิเคราะห์ อินดิเคเตอร์ที่นิยมใช้ใน Forex ได้แก่

    • Moving Averages (MA) : ใช้ระบุแนวโน้มและสัญญาณยืนยันการกลับตัว
    • Relative Strength Index (RSI) : ใช้ระบุภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) และสัญญาณการกลับตัวอย่าง Divergence
    • Moving Average Convergence Divergence (MACD) : ใช้ระบุแนวโน้มและสัญญาณการกลับตัว
    • Bollinger Bands : ใช้ระบุความผันผวนและระดับราคาที่อาจมีการกลับตัว
    • Stochastic Oscillator : ใช้ระบุภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป และสัญญาณการกลับตัวอย่าง Divergence

    6. เทคนิคอื่น ๆ

    เทคนิคการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ ซึ่งอาจจะเป็นทฤษฎีที่ผู้เชี่ยวชาญหรือเทรดเดอร์มืออาชีพได้สร้างขึ้นจากประสบการณ์ของตนเอง และนำมาถ่ายทอดต่อ เช่น Smart Money Concept (SMC), Inner Circle Trader (ICT) หรือ Fair Value Gap (FVG) เป็นต้น โดยแต่ละทฤษฎีก็จะมีวิธีการวิเคราะห์ที่แตกต่างกันออกไป

    วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)

    การวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถทำได้หลายวิธี โดยเทรดเดอร์แต่ละคนจะมีเทคนิคการวิเคราะห์ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความถนัดของเทรดเดอร์คนนั้น ๆ ซึ่งส่วนมากการวิเคราะห์จะเป็นการนำเทคนิคต่าง ๆ มารวมกัน เพื่อวิเคราะห์หาจุดเข้าหรือจุดออก

    ตัวอย่างการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)

    ตัวอย่างการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)

    จากตัวอย่าง สามารถอธิบายรายละเอียดการวิเคราะห์ก่อนเข้าออเดอร์ Buy ได้ดังนี้ 

    1. ราคาอยู่ในแนวรับสำคัญ
    2. ราคาอยู่ในช่วง Oversold
    3. เกิดสัญญาณการกลับตัวอย่าง Divergence
    4. ราคาแสดง Momentum ของแรงซื้อ คือ แท่งเทียน Bullish Engulfing (Price Action)
    5. ราคาเกิด Breakout ขึ้นไปเหนือ Swing High ล่าสุด
    6. ราคาร่วงลงมาทดสอบแนวต้านก่อนหน้าและแสดงสัญญาณ Bullish อย่าง Tweeezer Bottom (Price Action)
    7. ราคาไม่สามารถร่วงลงไปต่ำกว่าแนวรับดังกล่าวลงไปได้

    ทั้งหมด 7 ข้อที่ได้กล่าวไปนั้น เป็นการนำเทคนิคต่าง ๆ มารวมกัน เพื่อวิเคราะห์หาจุดเข้าที่เหมาะสมที่สุด โดยในตัวอย่างสามารถสรุปได้ง่าย ๆ ว่า เป็นการเข้า Buy ด้วยเทคนิค Divergence+Price Action+Breakout+Re-Test นั่นเองครับ ซึ่งสัญญาณ Divergence เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ราคาอาจจะเกิดการกลับตัวในอนาคต มักจะใช้ได้ดีหากราคาอยู่ในช่วง Overbought/Oversold และอยู่ในบริเวณแนวรับแนวต้านที่สำคัญ

    เมื่อเกิดสัญญาณ Divergence ขึ้นแล้ว Price Action จะเป็นตัวยืนยันการกลับตัวของราคาได้เป็นอย่างดีว่า เมื่อไหร่มีแรงซื้อหรือแรงขายเข้ามา อย่างในตัวอย่างได้เกิดแท่งเทียน Engulfing ซึ่งเป็นสัญญาณการมาของแรงซื้อแรงขายจำนวนมากนั่นเองครับ และหลังจากเกิด Momentum ในขาขึ้นแล้ว ราคาก็เกิดการ Breakout ขึ้นไปเหนือแนวต้าน และกลับลงมา Re-Test ที่แนวต้านเก่าซึ่งกลายเป็นแนวรับ และเป็นการบ่งบอกว่า ราคาจะไม่กลับลงมาแล้ว ก่อนปรับตัวขึ้นไปนั่นเองครับ

    ในส่วนของการเข้าออเดอร์ จากในตัวอย่างจะเห็นว่า ทางทีมงานจะรอให้มีสัญญาณยืนยันชัดเจนก่อนการเข้าเทรด ซึ่งเคยมีเทรดเดอร์มืออาชีพท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า 

    "การเทรด คือ การวิเคราะห์และวางแผนเพียง 10% อีก 90% ที่เหลือ คือ การอดทนรอ" 

    ดังนั้น นี่คือเกมของความอดทนและยับยั้งชั่งใจครับ แต่อาจจะไม่จำเป็นจะต้องรอเท่ากับทีมงาน เทรดเดอร์สามารถเลือกทางการเทรดของตัวเองได้ จากในตัวอย่างอาจจะลดจาก 7 สัญญาณ เหลือเพียง 3 สัญญาณก็ได้เช่นกันครับ

    โดยทั่วไปแล้ว หากกราฟราคาเกิดสัญญาณ Divergence ขึ้นในบริเวณแนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ และเกิดการ Rejection หรือการทิ้งไส้ของแท่งเทียน ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการกลับตัวแล้ว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการควบคุมความเสี่ยงของเทรดเดอร์แต่ละท่านแล้วครับว่า จะเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนต่อการเทรด

    ประโยชน์ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex

    สำหรับประโยชน์ของการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นมีอยู่หลายข้อ โดยหลัก ๆ แล้วการวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถช่วยเทรดเดอร์ได้ ดังนี้

    • ช่วยในการตัดสินใจ : ให้สัญญาณที่ชัดเจนในการเข้าซื้อ, ขาย, กำหนดจุดตัดขาดทุน และทำกำไร
    • สร้างแผนการเทรด : ช่วยให้นักเทรดมีกรอบการทำงานที่ชัดเจนและมีวินัย
    • มองหาโอกาสในการทำกำไร : ช่วยให้นักเทรดสามารถมองเห็นโอกาสในการทำกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายมากขึ้น
    • เข้าใจจิตวิทยาตลาด : รูปแบบและแนวโน้มที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงอารมณ์และความรู้สึกของนักเทรดในตลาด

     

    ข้อควรระวังของการวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex

    แม้ว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะเป็นการวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่สมบูรณ์แบบ 100% เทรดเดอร์ควรตระหนักถึงข้อจำกัดบางประการ ดังนี้

    • ความไม่แน่นอน : ตลาด Forex มีปัจจัยที่ซับซ้อนมากมาย ทั้งข่าวเศรษฐกิจหรือเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาเคลื่อนไหวผิดจากที่คาดการณ์ไว้
    • สัญญาณหลอก (False Signals) : อินดิเคเตอร์หรือรูปแบบกราฟบางครั้งอาจให้สัญญาณที่ผิดพลาด
    • การตีความหมาย : การตีความกราฟและอินดิเคเตอร์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งถ้าไม่ได้มีความเข้าใจในสิ่งนั้นจริง ๆ อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจที่คาดเคลื่อนได้เช่นกัน

     

    สรุปการวิเคราะห์ทางเทคนิคคืออะไร

    การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นทักษะที่สำคัญและจำเป็นสำหรับนักเทรด Forex ทุกระดับ โดยเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักเทรดสามารถทำความเข้าใจพฤติกรรมราคา, คาดการณ์แนวโน้ม, และวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้และฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการผสมผสานกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) และการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรด Forex ได้อย่างยั่งยืน

     


    ⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

    หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม

    สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com

    ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview

    ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis

    อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs

    อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers

     

    forex

    แนะนำโบรกเกอร์สำหรับคุณ

    tfn
    ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย

    Thaiforexreview.com จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ
    ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์โบรกเกอร์ Forex ข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน และการวิเคราะห์เป็นความคิดเห็น ของ Thaiforexreview.com ไม่มีการการันตีใด ๆ

    การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex มีความเสี่ยงสูง ก่อนตัดสินใจซื้อขาย Forex หรือใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เรามุ่งเน้นเพื่อเสนอข้อมูล ที่สำคัญเกี่ยวกับโบรกเกอร์ทั้งหมดที่เราตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด

    ความรู้ Forex

    Forex

    Gold

    Beginner

    Investing

    ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย

    Thaiforexreview.com จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ
    ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์โบรกเกอร์ Forex ข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน และการวิเคราะห์เป็นความคิดเห็น ของ Thaiforexreview.com ไม่มีการการันตีใด ๆ

    การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex มีความเสี่ยงสูง ก่อนตัดสินใจซื้อขาย Forex หรือใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เรามุ่งเน้นเพื่อเสนอข้อมูล ที่สำคัญเกี่ยวกับโบรกเกอร์ทั้งหมดที่เราตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด

    © Copyright Thaiforexreview 2023. All rights reserved