Parabolic SAR คืออะไร? จุดบนกราฟจับกำไรในตลาด Forex

การเทรดในตลาด Forex และการรู้จักแนวโน้มของสินทรัพย์หรือคู่เงินต่าง ๆ ถ้าเทรดเดอร์สามารถดูแนวโน้มของคู่เงิน Forex ที่ต้องการเทรดได้ เทรดเดอร์จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและเข้าออเดอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในบทความนี้ ทางทีมงาน Thaiforexreview อยากจะนำเสนอ Indicator ที่จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถดูแนวโน้มของคู่เงิน Forex ได้นั่นคือ Parabolic SAR ซึ่งเราจะพาไปรู้จักกับความหมายและการนำไปใช้เทรดในตลาด Forex ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ โดยบทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ในเรื่องการลงทุนเท่านั้น ซึ่งการลงทุนมีความเสี่ยงเทรดเดอร์ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนครับ

Parabolic SAR คือ อินดิเคเตอร์ประเภทหนึ่งที่ใช้ในการเทรดสินทรัพย์ต่าง ๆ รวมถึงตลาด Forex ซึ่งอินดิเคเตอร์ประเภทนี้จะเป็นตัวบอกแนวโน้มของสินทรัพย์ คู่เงิน หรือผลิตภัณฑ์ที่เทรดเดอร์ทำการเทรดและนอกจากการหาแนวโน้มของสินทรัพย์แล้ว อินดิเคเตอร์ยังช่วยบอกจุดกลับตัวเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าออเดอร์และเพิ่มโอกาสการทำกำไรในการเทรดได้อีกด้วยครับ

ผู้คิดค้น Parabolic SAR คือ J. Welles Wilder Jr. นักพัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีชื่อเสียง ซึ่งเขาได้สร้างอินดิเคเตอร์สำคัญและเป็นที่นิยมหลายตัว เช่น RSI, ATR รวมถึง Parabolic SAR ที่ถูกแนะนำครั้งแรกในหนังสือ New Concepts in Technical Trading Systems ที่ตีพิมพ์ในปี 1978

สูตรคำนวณของ Parabolic SAR จะมีการคำนวณ 2 รูปแบบ ทั้งแบบจุดที่อยู่ใต้กราฟราคาและจุดที่อยู่เหนือกราฟราคา

สูตร Parabolic SAR Rising SAR

Rising SAR คือ จุดที่เกิดใต้กราฟราคาสินทรัพย์ บ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น

• Current SAR คือ ค่า SAR ณ ปัจจุบัน
• Prior SAR คือ ค่า SAR ก่อนหน้า
• Extreme Point คือ จุดสูงสุดในขาขึ้น
• Acceleration Factor (AF) คือ ค่าเริ่มต้นที่ 0.02 และจะเพิ่มขึ้นทีละ 0.02 ทุกครั้งที่เกิด New High (สูงสุดไม่เกิน 0.20)

สูตร Parabolic SAR Falling SAR

Falling SAR คือ จุดที่เกิดเหนือกราฟราคาสินทรัพย์ บ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง

• Current SAR คือ ค่า SAR ณ ปัจจุบัน
• Prior SAR คือ ค่า SAR ก่อนหน้า
• Extreme Point คือ จุดต่ำสุดในช่วงขาลง
• Acceleration Factor (AF) คือ ค่าเริ่มต้นที่ 0.02 และจะเพิ่มทีละ 0.02 ทุกครั้งที่เกิด New Low (สูงสุดไม่เกิน 0.20)
  

การคำนวณ Parabolic Sar ค่อนข้างซับซ้อน แต่เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องคำนวณด้วยตัวเอง เพราะแพลตฟอร์มการเทรดส่วนใหญ่มีการคำนวณไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งทางทีมงาน Thaiforexreview ขอยกตัวอย่างเช่นบนโปรแกรม MT5 ที่เทรดเดอร์สามารถเลือกใช้อินดิเคเตอร์ Parabolic SAR ได้เลย โดยเริ่มจากเลือกสัญลักษณ์ของสินทรัพย์และกดเลือกแถบแทรก หลักจากนั้นเลือกอินดิเคเตอร์ Parabolic SAR โดยสามารถใช้ค่าเริ่มต้นตามที่ MT5 ตั้งค่ามาให้ได้เลยครับ

โดยค่าที่เทรดเดอร์สามารถปรับเปลี่ยนได้ คือ ค่า AF (Acceleration Factor) ซึ่งค่านี้มีหน้าที่ควบคุมความเร็วของ Parabolic SAR ให้เคลื่อนไหวตามราคามากหรือน้อยตามที่กำหนด โดยทั่วไปไม่ควรกำหนดเกินค่า 0.20 หรือค่า Maximum ที่โปรแกรมกำหนดไว้

• หากค่า AF สูง Parabolic SAR จะเคลื่อนที่ใกล้กับราคามากขึ้น
• หากค่า AF ต่ำ Parabolic SAR จะเคลื่อนที่ห่างจากราคามากขึ้น

การใช้งาน Parabolic SAR สามารถช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์แนวโน้มของตลาด Forex ได้ชัดเจนขึ้น ทั้งการบอกทิศทางราคาในภาพรวม, การหาจุดเข้าออเดอร์, การระบุจุดกลับตัวของราคา รวมถึงการดูความผันผวนของราคาตลาด

การใช้ Parabolic SAR สามารถดูแนวโน้มได้จากตำแหน่งของจุดไข่ปลา Parabolic SAR

• หากจุดไข่ปลา อยู่ต่ำกว่าราคาหรืออยู่ใต้แท่งเทียน แสดงว่า ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
• หากจุดไข่ปลาอยู่สูงกว่าราคาหรืออยู่เหนือแท่งเทียน แสดงว่า ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง

การใช้ Parabolic SAR สามารถดูสัญญาณกลับตัวได้จากระยะห่างระหว่างจุดไข่ปลาและแท่งเทียน

• หากจุดไข่ปลาอยู่ห่างจากแท่งเทียน แสดงว่า ราคายังคงเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้มเดิม
• หากจุดไข่ปลาอยู่ใกล้แท่งเทียน แสดงว่า สัญญาณการกลับตัวของราคาหรืออาจเป็นการเปลี่ยนแนวโน้ม

การใช้ Parabolic SAR สามารถใช้กำหนดจุดเข้าออเดอร์ได้ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับเทรดเดอร์ แต่ในการเทรดทุกครั้งควรมีการตั้ง Stop Loss และ Take Profit เพื่อลดความเสี่ยงในการเทรดครับ

• หากจุดไข่ปลาเปลี่ยนจากจุดที่อยู่เหนือแท่งเทียนมาอยู่ใต้แท่งเทียนและเกิดจุดไข่ปลาเรียงกัน 3 จุดขึ้นไป ถือเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นและเป็นสัญญาณให้เปิดออเดอร์ Buy
• หากจุดไข่ปลาเปลี่ยนจากจุดที่อยู่ใต้แท่งเทียนขึ้นไปอยู่เหนือแท่งเทียนและเกิดจุดไข่ปลาเรียงกัน 3 จุดขึ้นไป ถือเป็นการยืนยันแนวโน้มขาลงและเป็นสัญญาณให้เปิดออเดอร์ Sell

การใช้ Parabolic SAR เพื่อดูความผันผวนของราคาสามารถสังเกตได้จากความถี่และการเปลี่ยนตำแหน่งของจุดไข่ปลา

• หากจุดไข่ปลาเรียงชิดกันอย่างต่อเนื่อง แสดงว่า ราคาเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้มอย่างมั่นคงและมีความผันผวนต่ำ
• หากจุดไข่ปลามีการสลับตำแหน่งขึ้นลงบ่อยครั้งและอยู่ใกล้กับแท่งเทียนมากขึ้นหรือเรียงห่างกัน แสดงว่า ตลาดมีความผันผวนสูงและอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของทิศทางราคาได้

การใช้อินดิเคเตอร์ Parabolic SAR สามารถช่วยระบุแนวโน้มของคู่เงินและหาจุดกลับตัวได้ โดยตัวอย่างที่ทางทีมงาน Thaiforexreview นำมาให้ดู เป็นการใช้ Parabolic SAR กับคู่เงิน USD/JPY เพื่อหาสัญญาณซื้อและขาย รวมถึงวิเคราะห์แนวโน้มของราคาในแต่ละช่วง ซึ่งจากภาพจะเห็นได้ว่า เมื่อจุด Parabolic SAR ปรากฏอยู่ใต้กราฟราคา (จุดสีน้ำเงินด้านล่าง) แสดงถึงช่วงที่ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นและเป็นสัญญาณให้เปิดออเดอร์ Buy ในทางกลับกัน เมื่อจุด Parabolic SAR ปรากฏอยู่เหนือกราฟราคา แสดงถึงช่วงที่ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลงและเป็นสัญญาณให้เปิดออเดอร์ Sell

จากภาพตัวอย่างจะเห็นได้อย่างชัดเจนถึงการสลับแนวโน้มระหว่างขาขึ้นและขาลง รวมถึงสัญญาณการกลับตัวของราคาที่ช่วยให้เทรดเดอร์ใช้ประกอบการตัดสินใจเข้าออกออเดอร์ได้ครับ

การใช้ Parabolic SAR ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ จะสามารถเพิ่มความมั่นใจและเป็นการวางแผนก่อนเข้าออเดอร์ของเทรดเดอร์ให้ดีขึ้นครับ

การใช้ Parabolic SAR ร่วมกับ MACD ถือเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยยืนยันสัญญาณการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเมื่อจุดของ Parabolic SAR ปรากฏอยู่ใต้กราฟราคาและในเวลาเดียวกัน เส้นของ MACD (เส้น MACD ตัดขึ้นไปอยู่เหนือเส้น Signal) มีการตัดกันในลักษณะที่ให้สัญญาณเปิดออเดอร์ Buy ในทางตรงกันข้ามกัน เมื่อจุดของ Parabolic SAR อยู่เหนือกราฟราคา และเส้น MACD ตัดกัน (เส้น MACD ตัดลงไปอยู่ใต้เส้น Signal) ในลักษณะที่บ่งบอกถึงสัญญาณเปิดออเดอร์ Sell ซึ่งการที่อินดิเคเตอร์ทั้งสองส่งสัญญาณไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้เทรดเดอร์สามารถลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอกได้ครับ

การใช้ Parabolic SAR ร่วมกับ RSI ถือเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยยืนยันสัญญาณการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเมื่อจุดของ Parabolic SAR ปรากฏเหนือกราฟราคาและค่า RSI อยู่ในช่วง 70 ขึ้นไป นั่นหมายถึงสภาวะ Overbought หรือการซื้อมากเกินไป ทำให้มีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวลง กลายเป็นสัญญาณให้เปิดออเดอร์ Sell แต่ในทางกลับกัน เมื่อจุดของ Parabolic SAR อยู่ใต้กราฟราคาและค่า RSI ลดลงต่ำกว่า 30 นั่นบ่งบอกถึงสภาวะ Oversold หรือการขายมากเกินไป ซึ่งจะถือกับสัญญาณให้เปิดออเดอร์ Buy ซึ่งการนำอินดิเคเตอร์ทั้งสองมาวิเคราะห์ร่วมกัน จะช่วยให้เทรดเดอร์เห็นแนวโน้มได้ชัดเจนขึ้นและช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดสัญญาณหลอกได้ครับ

การใช้ Parabolic SAR ร่วมกับ Stochastic Oscillator จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถยืนยันสัญญาณการเข้าออกออเดอร์ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเมื่อจุดของ Parabolic SAR ปรากฏอยู่เหนือกราฟราคาและค่า Stochastic อยู่บริเวณโซน Overbought (ช่วง 80 ขึ้นไป) นั่นหมายถึงมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลง จึงกลายเป็นสัญญาณให้เปิดออเดอร์ Sell แต่ในทางกลับกัน หากจุดของ Parabolic SAR อยู่ใต้กราฟราคาและค่า Stochastic อยู่ในโซน Oversold (ช่วง 20 หรือต่ำกว่า) ก็จะเกิดกับสัญญาณให้เปิดออเดอร์ Buy และด้วยความที่อินดิเคเตอร์ทั้งสองชนิดนี้มีความสอดคล้องกัน การนำมาใช้ประกอบกันจึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอก

Parabolic SAR ใช้คู่กับอินดิเคเตอร์ไหนดี?

🔸 Parabolic SAR มักใช้คู่กับอินดิเคเตอร์อย่าง MACD เพื่อกรองสัญญาณหลอกและ RSI เพื่อดูภาวะ Overbought หรือ Oversold ซึ่งจะช่วยเพิ่มความประสิทธิภาพในการเข้าออกออเดอร์ได้ ทั้งนี้ การเลือกใช้อินดิเคเตอร์ควรขึ้นอยู่กับสไตล์และเทคนิคการเทรดของแต่ละคนครับ

Parabolic SAR ตั้งค่ายังไง?

🔸 Parabolic SAR นิยมตั้งค่าเริ่มต้นอยู่ที่ 0.02 และสูงสุดอยู่ที่ 0.2 ซึ่งถ้าเทรดเดอร์ปรับค่าสูงเกินไป อาจเกิดสัญญาณหลอกได้ครับ

ADX คืออะไร?

🔸 ADX คือ อินดิเคเตอร์ประเภทหนึ่ง ซึ่งช่วยบ่งบอกความแข็งแรงของแนวโน้มราคาสินทรัพย์ ดังนั้น เทรดเดอร์สามารถใช้ ADX กับคู่เงิน Forex ได้ครับ

Parabolic SAR คือ อินดิเคเตอร์ที่ใช้ในการเทรด Forex โดยจะใช้ตำแหน่งของจุด Parabolic SAR เป็นตัวกำหนดแนวโน้มราคาสินทรัพย์คู่เงิน Forex หากจุดของ Parabolic SAR อยู่ใต้กราฟราคาสินทรัพย์ แปลว่า สินทรัพย์กำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และหากจุดของ Parabolic SAR อยู่เหนือกราฟสินทรัพย์คู่เงิน Forex แปลว่า สินทรัพย์กำลังอยู่ในแนวโน้มขาลงครับ

เทรดเดอร์จะเห็นได้ว่า การใช้ Parabolic SAR สามารถระบุแนวโน้มราคาสินทรัพย์คู่เงิน Forex ที่เทรดได้และการใช้ Parabolic SAR ร่วมกับอินดิเคเตอร์ประเภทอื่น ๆ ที่ยกตัวอย่างไปในบทความข้างต้น สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยยืนยันการเข้าออเดอร์ของเทรดเดอร์ได้ครับ นอกจากการศึกษาปัจจัยทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน อีกทั้งเทรดเดอร์ควรมี Money Management และ Mindset ที่ดีในการเทรดเพื่อเพิ่มโอกาสการทำกำไรในตลาด Forex ให้ได้อย่างสม่ำเสมอและยั่งยืนครับ

หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม

สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com

ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview

ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis

อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs

อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers